เจมี่ คาร์ราเกอร์ ในฐานะศิษย์เก่าผู้ภักดีของ ลิเวอร์พลู ออกมาวิจารณ์อดีตต้นสังกัดของตัวเอง จากฟอร์มล่าสุดไว้อย่างดุเดือด ” ลิเวอร์พูล ดูคล้ายทีมคนชรา ที่ใกล้เดินทางมาถึงฉากสุดท้ายแล้ว”
แค่ประโยคเดียวข้างบนนี้ ก็น่าจะมากเกินพอสำหรับเห็นภาพต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากเกมล่าสุดโดนเบรนท์ฟอร์ดเปิดบ้านทุบดิ้นพล่าน 3-1
ว่ากันตามเนื้อผ้า นี่เป็นเกมสำคัญอย่างมากที่หงส์แดงต้องพยายามกระชาก 3 คะแนนกลับสู่ถิ่น เพื่อเปิดทางให้โล่งยิ่งขึ้น สำหรับการลุ้นท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้
เรื่องลุ้นแชมป์ยังไกลเกินตัว ขอแค่เกาะแน่นโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกไว้ให้ได้ในเบื้องต้น แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีจะดีกว่า
อย่างไรก็ดีเมื่อถึงตรงนี้แล้ว ความหวังดูหรี่แสงมากเรื่อยๆ เพราะเกมก่อนหน้าจะสิ้นสภาพแพ้เบรนท์ฟอร์ด ที่เปิดบ้านเชือดเลสเตอร์ ก็ใช่จะเล่นดีอะไรนักหนา หลายคนมองว่าไม่สมควรได้ 3 แต้มด้วยซ้ำ
หากไม่ได้ความผิดพลาดเฟอะฟะของ เวาท์ ฟาส ที่สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองถึง 2 ครั้ง 2 คราว สงเคราะห์ให้กลับมาแซง รับรองว่าเต็มที่อาจได้แค่ 1 คะแนน
ลิเวอร์พลู นัดล่าสุด
แล้วพอมาเกมล่าสุด ลิเวอร์พลู แทบไม่ได้โชว์ให้เห็นเลยว่าขี่เจ้าถิ่น ซึ่งดูตามรูปการณ์แล้ว เป็นรองอยู่หลายกระบวนเพลง
ต่อให้ทีมตราผึ้งชอบปราบบรรดาบิ๊กซิกซ์ เคยถล่มแมนฯยูไนเต็ด 4-0 และบุกยัดเยียดความปราชัยให้แมนฯซิตี้ ก่อนเบรกพักให้ฟุตบอลโลกหวดกัน แต่นั่นไม่ใช่ทฤษฎีหรือบัญญัติไตรยางค์นำมาชี้วัดอะไรได้หรอก
ด้วยคุณภาพผู้เล่นที่เหนือกว่าเห็นๆ รูปแบบการเล่นอันดุดัน จนเป็นกิตติศัพท์นับถือยำเกรง รวมถึงสถานการณ์ที่บีบให้ต้อง 3 แต้ม ซึ่งพวกเขามักทำได้ดีเสมอ ยากมากที่จะพลาด
นำสิ่งเหล่านี้มาขยำรวมกันแล้ว จึงกล้าฟันธงได้เลยว่า หงส์แดงต้อง 3 แต้มเท่านั้น เสมอยังโคตรน่าผิดหวังเลย
พอพ่ายแพ้แบบคาดไม่ถึง ทีนี้ต้องย้อนกลับไปทบทวนกันอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่และควรจะสรุปบทเรียนนี้อย่างไร
ถ้ามองแบบที่ คาร์ร่า วิจารณ์เอาไว้ นั่นหมายถึงอาจต้องยกเครื่องผ่าตัดกันครั้งใหญ่ เพราะผู้เล่นหลายคนน่าจะเสื่อมถอย เกินกว่าจะต่อสู้ยืนหยัดเพื่อความสำเร็จอีกต่อไป
แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ยังไงก็ต้องแก้ไขกันในลักษณะเฉพาะหน้า แล้วใช่ว่าผู้เล่นแกนหลักบางคน จะหมดสภาพอย่างที่คิดกัน
มันอาจเป็นช่วงเวลาที่ เฟอร์กิล ฟานไดค์ , ฟาบินโญ่ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ติอาโก้ อัลกันตาร่า หรือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ แผ่วลงอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
นั่นไม่ได้หมายความว่า พวกเขาเหล่านี้จะไม่อาจยึดบทบาทกระดูกสันหลังได้อีกต่อไป เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูบรูณะอยู่บ้าง
นอกจากสภาพร่างกายที่โรยลงตามวัย รวมถึงผ่านการใช้งานกรำศึกมาอย่างหนักแล้ว ไฟข้างในยังลุกโชนอยู่หรือไม่ ตรงนี้เองก็น่าคิดเช่นเดียวกัน
บางคนอาจอิ่มกับความสำเร็จแล้ว รู้สึกว่าลดความกระหาย ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไขว่คว้าอีกต่อไป
เหล่านี้คือหน้าที่ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องหาวิธีเพื่อดึงส่วนที่หายไปเหล่านั้น กลับมาให้ได้ดังเดิม
พอมองภาพรวมแบบกว้างๆแล้ว จากนั้นก็เจาะลึกลงไปแต่ละโซน จะเห็นเลยว่าปัญหามันไล่มาตั้งแต่ข้างหน้ายันหลัง
ปัญหาที่ผู้คนจับตามอง
โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ดร็อปลงไปไม่พอ ยังโดนตั้งคำถามด้วยซ้ำ นับตั้งแต่ขยายสัญญาใหม่ ฟันค่าจ้างวีกละ 350,000 ปอนด์ เลยไม่เหมือนเดิมจริงหรือ คล้ายว่าได้เงินใหญ่ อยู่ในคอมฟอร์ทโซนแล้ว ไม่ต้องกระตือรือร้นอะไรอีก
ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ ยังคงเผยให้เห็น ความผิดพลาดอยู่ตลอด บางจังหวะมันดูเหมือนง่ายสำหรับการเปลี่ยนเป็นประตู แต่สำหรับเขากลายเป็นสิ่งที่ยาก
แม้จะงัดความขยันบากบั่นทุ่มเท นำมาทดแทนจังหวะปิดสกอร์ แต่ก็โดนวิจารณ์ว่าหน้าที่ของหัวหอกคือต้องหาทางส่งลูกบอลซุกก้นตาข่าย ไม่ใช่วิ่งพล่านหาช่องเท่านั้น
อีกทั้งซื้อหามาแพงแสนแพง เป็นสถิติใหม่สโมสร ก็ควรตอบสนองให้คุ้มค่าสักหน่อย เดอะค็อปมากมายต่างคาดหวังทั้งสิ้น
แดนกลางอย่างที่รู้กัน นักเตะเสาหลักไม่อยู่ในสภาพเหมือนเดิม พวกดาวรุ่งใหม่ที่ถูกดันขึ้นมาชุดใหญ่อย่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ หรือ เคอร์ติส โจนส์ ก็เติบโตมาแทนไม่ทัน รวมถึงเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำจังหวะที่ควรไหลลื่นกลับสะดุดอีก
นอกจากนี้กองกลางในแบบฉบับ คล็อปป์ คือต้องประเภทพลังเยอะ วิ่งกดดันหนัก เสียบอลแล้วรีบแย่งกลับมาครอบครองให้เร็วที่สุด ไม่ใช่บอลเชิงอ้อยอิ่ง เฝ้ารอโอกาส
ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนๆจะร้องหากองกลางคุณภาพมาเติมเต็ม สำหรับโอกาสที่จะกลับคืนสู่จุดที่เคยทำได้
บทความที่เกี่ยวข้อง แผนสองชั้นของทีม ผีแดง ในวันที่ไม่ได้เงินซื้อ
กองหลังที่อ่อนแอลง
กองหลังก็ป่วนไม่แพ้กัน จากที่เคยเป็นจุดแข็งหรือ ตัวแปรสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จมากมาย พอไม่มีพวกตรงกลางคอยไล่ปัดกวาดให้ งานหนักก็ตกไปที่พวกเขา
ฟานไดค์ คนเดียวก็รับมือยาก เกมล่าสุดโดนถอด ออกตั้งแต่ครึ่งหลัง ก่อนจะได้รับการเฉลยว่าเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า แต่เจอวิจารณ์ว่าอาจ เป็นเรื่องแท็คติกก็ได้ เพราะฟอร์มแย่จริง
แบ็กสองข้างที่เคยดุดัน เติมเกมรุกอย่างสะเด่า ก็ไม่ได้อยู่ตรงจุดดังกล่าวแล้ว เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เคยป้อนให้เพื่อนทำประตูมากมาย เพิ่งได้แอสซิสต์แรกของซีซั่นจากเกมเจอเบรนท์ฟอร์ดนั่นเลย
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา คือปัญหาของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้อย่างแท้จริง
แน่นอนมันท้าทาย เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ต้องรีบแก้ปมให้เร็วที่สุด เวลาเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว
