เป็นไปตามที่คาดเมื่อสหพันธ์ฟุตบอล โปรตุเกส จัดการเชือด เฟร์นานโด ซานโต๊ส พ้นจากตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย สังเวยผลงานอันล้มเหลวใน ฟุตบอลโลก2022
แม้ ซานโต๊ส จะเคยนำความภาคภูมิใจมาให้ชาวโปรตุเกส โดยเฉพาะใช้เวลาแค่ 2 ปี สร้างประวัติศาสตร์ผงาดครองยูโร 2016 แต่นั่นมันคืออดีตนานมาแล้ว ทุกอย่างวัดกันที่ปัจจุบัน
จริงๆเป็นที่รับรู้กันว่า เขาคือกุนซือเจ้าแท็คติกคนหนึ่ง หากว่ากันถึงเรื่องเน้นผลการแข่งขัน รับรองเลยว่าแทบไม่เป็นรองใครเท่าไรนัก
สไตล์การเล่นแบบเพลย์เซฟ รัดกุม ไม่บุกแบบบุ่มบ่ามบ้าเลือด คือปัจจัยหลักช่วยให้ทัพฝอยทองประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ
นอกจากแชมป์ยูโรแล้ว ซานโต๊ส ยังนำทัพครองยูฟ่า เนชั่นส์ ลีกในซีซั่น 2018/19 อีกต่างหาก ต่อยอดกันมาเลย ไม่ปล่อยให้เว้นวรรคนานเกินไปด้วย
แนวทางการเล่นของ โปรตุเกส อาจไม่เหมาะกับนักเตะที่มี
อย่างไรก็ตามจุดอ่อนที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เห็นจะเป็นเรื่องของแนวทางการเล่นนี่แหล่ะ เพราะไม่ค่อยเอนเตอร์เทนเร้าใจเลย มักจะหนืดแน่นหนึบ จนทำให้รู้สึกได้ว่าน่าเบื่อมาก
มันขัดแย้งกับทรัพยากรที่โปรตุเกสมีอย่างแท้จริง นี่คือชาติอัดแน่นไปด้วยแข้งคุณภาพมากมาย ไล่ตั้งแต่หลังยันข้างหน้า รวมมูลค่านักเตะแล้วน่าจะแพงที่สุดในทัวร์นาเม้นต์ด้วยซ้ำ
แนวรับมีตัวสดอย่าง รูเบน ดิอาส กับ รุ่นลายครามคือ เปเป้ ปักหลักเซ็นเตอร์แบ็ก ในขณะฟูลแบ็กก็ล้วนจอมลุย ราฟาแอล เกร์เรโร่ , ชูเอา กานเซโล่ , ดีโอโก้ ดาโล่ต์ หรือ นูโน่ เมนเดส
ตรงกลางก็เหลือรับประทาน แทบจะห่อกลับบ้านด้วยกันทั้งสิ้น บรูโน่ แฟร์นันด์ส , แบร์นาร์โด้ ซิลวา , รูเบน เนเวส , วิตินญ่า , โอตาวิโอ และ ชูเอา ปาลินญ่า
ข้างหน้ายังมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร รวมถึง ชูเอา เฟลิกซ์ , ราฟาเอล เลเอา , อันเดร ซิลวา และ กอนซาโล่ รามอส ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในครั้งนี้
ที่ว่ามานี่นับเฉพาะที่มีชื่อมาโม่แข้งในเวิลด์ คัพฉบับตะวันออกกลาง ยังมีก๊วนใหญ่ที่ถูกตัดชื่อ ล้วนแต่น่าสนใจมากๆ
ชูเอา มูตินโญ่ กองกลางสายเชิงที่ผ่านประสบการณ์โชกโชน , ดีโอโก้ โชต้า ตัวรุกลิเวอร์พูลที่บาดเจ็บซะก่อน , เปโดร เนโต้ จอมกระชาก , ราฟา ซิลวา และ กอนซานโล่ กูเอเดส อีก 2 กองหน้าที่เคยติดอยู่ประจำ
รวมถึง ดาวิด คาร์โม่ กองหลังอนาคตไกล ซึ่งเพิ่งย้ายจากบราก้าไปปอร์โต้ เป็นสถิติค่าตัวแพงสุดที่ย้ายในลีกด้วยกัน 22.5 ล้านยูโรอีกคน
ในเมื่อ ซานโต๊ส มีนักเตะคลาสสูงๆ ให้เลือกใช้กันขนาดนี้ ก็ควรจะทำทีมให้มันสมราคา เล่นกันน่าตื่นตาตื่นใจสักหน่อย ไม่ใช่ทรงออกมาอย่างที่เห็นกัน
โอเคแหล่ะ เข้าใจว่าในช่วงที่ประสบความสำเร็จ มีผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ จับต้องสัมผัสได้โดยตรง แฟนๆอาจมองข้ามเรื่องสไตล์การเล่นอันน่าเบื่อไปบ้าง ทีมชนะไม่ต้องบ่นอะไรกันเยอะ
แต่พอผิดหวังขึ้นมา สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกหยิบมาเป็นประเด็นอย่างไม่มีทางเลี่ยงเลย
จริงๆโปรตุเกสเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ผ่านแค่ 2 นัดก็ฉลุยฉุยฉายเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเรียบร้อย โดยที่ไม่ต้องรอชี้ชะตานัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเลย
นั่นเป็นการเพิ่มความได้เปรียบมากยิ่งขึ้น ทำให้นักเตะแกนหลักได้มีเวลาพัก ไม่ต้องกรำศึกหนักหนาสาหัสเกินไป อาจกระทบในรอบน็อกเอาท์
ด่านต่อมาเป็นสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลย ทีมที่เล่นด้วยยากมากๆ มักชอบสร้างความหนักใจให้พวกตัวเต็งทั้งหลาย เคยแผลงฤทธิ์มาหลายครั้งแล้ว
ทีมอื่นอาจโหดหิน แต่สำหรับโปรตุเกสการดวลกับสวิส มันง่ายดายราวกับว่าปอกกล้วยเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆแล้วกลืนลงคอซะอีก
สกอร์ที่ออกมาแบบถล่มทลาย 6-1 ช่วยทำให้แฟนบอลที่มองว่า ซานโต๊ส เล่นน่าเบื่อ หันมามองด้วยสายตาเปลี่ยนไป รู้สึกได้ถึงหัวใจที่ฟูฟ่อง บุกจริงก็ทำได้ดี เกมโต้กลับฉับพลันแบบปึงปังก็เด็ดขาด ไม่เห็นต้องเล่นแบบเดิมเลย เอาแต่คืนหลังถ่ายไปถ่ายมา
อาจเป็นไปได้ว่า ผลงานอันสะเด่าเร่าร้อนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี่แหล่ะ ทำให้โปรตุเกสฮึกเหิม มั่นใจว่าจะต้องกรุยทางเข้ารอบลึก
ยิ่งรอบควอเตอร์ไฟนั่ลเผชิญโมร็อกโกด้วยแล้ว ดีกรีชื่อชั้นยังห่างกันอีกพอสมควร คงจะกำราบได้สำเร็จ
บทความที่เกี่ยวข้อง ปรากฏการณ์ ทีมชาติโมร็อกโก เขย่าโลก
ใครจะเป็นกุนซือ คนต่อไปของ โปรตุเกส
ในขณะเดียวกันการกล้าดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เป็นหนึ่งในสาระสำคัญของ ซานโต๊ส เพราะก่อนหน้ามักโดนค่อนขอดนินทาว่า หงอให้กัปตันทีมผู้ทรงอิทธิพล
พอไม่มี โรนัลโด้ แล้วทีมเล่นดีผิดหูผิดตา รวมถึงสร้าง กอนซานโล่ รามอส ประดับวงการอีกคน อย่างนี้มันสมควรต้องชื่นชมกันบ้าง
ทว่าชะตากรรมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มันอย่างที่เห็นกันอยู่ โมร็อกโกเองก็เตรียมพร้อมมาดีมาก ส่วนโปรตุเกสก็เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน ซานโต๊ส เองก็เลยต้องแลกด้วยตำแหน่งกุนซือ
เขาไม่ได้คิดผิดหรอกที่ดร็อป โรนัลโด้ ตรงกันข้ามน่าจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ หากมองในแง่ที่ว่าถึงเวลาซูเปอร์สตาร์รายนี้ ต้องปลดระวางตัวเองจากทีมชาติ เปิดโอกาสให้รุ่นหลังทดแทน
เพียงแต่ว่าเกิดความผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ จังหวะสุดท้ายมีโอกาสแล้วทำไม่สำเร็จ รวมถึงความกดดันที่ดูเหมือนจะเล่นงานนักเตะหลายคนด้วย
จากนี้จับตาดูกันให้ดีว่า กุนซือคนใหม่โปรตุเกสจะเป็นใครกัน ท่ามกลางกระแสข่าวมี 2 ตัวเต็งให้ต้องพูดถึง
คนแรกคือ เปาโล ฟอนเซก้า ที่ผ่านการคุมทีมในยุโรปมาอย่างโชกโชน ล่าสุดทำงานกับลีลล์ โดยสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์คือบุกแหลกแลกหมัดแบบไม่หวั่นอะไรทั้งสิ้น
ถ้ามาจริงแนวทางของโปรตุเกส จะเปลี่ยนไปจากเดิมแน่นอน เขาน่าจะใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ส่วนอีกคนคือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ปัจจุบันกุมบังเหียนโรม่าในกัลโช่ เซเรีย อา ผลงานถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง
หากมาจริงๆ อาจการันตีได้เรื่องความชัวร์ โอกาสชนะมีเปอร์เซ็นต์สูง
ทว่าเราไม่อาจสลัดทิ้งภาพเดิมๆ ฟุตบอลหนืดๆ นำมาซึ่งความน่าเบื่อได้เลย