จนถึงตอนนี้ เอฟเวอร์ตัน ยังไม่ได้แต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ มาแทนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซึ่งโดนปลดจากตำแหน่งไม่กี่วันก่อน
รวมทั้งยังไม่ได้เลือกใครมารักษาการณ์ขัดตาทัพไปพลางๆก่อน ซึ่งปกติแล้วจะใช้ ดันแคน เฟอร์กูสัน ผู้ช่วยร่างยักษ์มารับบทบาทนี้
แล้ววันเสาร์พวกเขาต้องมีคิวรับศึกอาร์เซน่อล ซึ่งเร่าร้อนสุดขีดนาทีนี้ด้วย แต่ยังแทบไม่เห็นความพร้อมอะไรเลย เรียกว่าพ่ายตั้งแต่ยังไม่ทันได้เขี่ยบอลด้วยซ้ำไป
ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้เลือกใครมานั่งเก้าอี้รักษาการณ์ไปพลางๆก่อน นอกจากมีข่าววงในว่า ไหว้วาน เลห์ตัน เบนส์ อดีตแบ็กซ้าย ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชทีมยู-18 คุมซ้อมชั่วคราว รอเวลาไปแบบไม่รู้เมื่อไร
ส่วนขาประจำทำหน้าที่แบบขัดตาทัพอย่าง ดันแคน เฟอร์กูสัน ก็ย้ายออกไปตั้งแต่จบฤดูกาลที่แล้ว แม้จะรักสโมสรแค่ไหน แต่ดูเหมือนจะประเมินสภาพได้ ข้างในมีแต่ปัญหา ย้ายออกกลับบ้านที่สก็อตแลนด์ดีกว่า
เอฟเวอร์โตเนี่ยนหรือบรรดาแฟนบอล ต่างเชื่อว่าต้นตอมาจากการบริหารภายใน ซึ่งนำโดย ฟาร์ฮัด โมชิรี่ เจ้าของทีม ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องมากพอ แต่อยากจะลงมาจัดการเอง
ไหนจะฟังคนนอกมากเกินไป มีคนสนิทหรือเอเจ้นท์บางราย เดินเข้านอกออกในเป็นว่าเล่น ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น
โมชิรี่ เข้ามาถือหุ้นใหญ่เอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่ต้นปี 2016 จากจำนวน 49.9 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นช้อนซื้อมาเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อมกราคมปีก่อน จำนวนหุ้นทะยานไปที่ 94 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่ามีอำนาจผูกขาดเบ็ดเสร็จ
บิลเลี่ยนแนร์รายนี้ลงทุนไม่น้อย ทั้งในตลาดซื้อขายผู้เล่นใช้เงินก้อนใหญ่ ซื้อหานักเตะที่คิดว่าใช่ จะพาทีมประสบความสำเร็จได้เข้ามา
นอกจากนี้ยังควักอีก 500 ล้านปอนด์ สร้างสนามแห่งใหม่แถบแบรมลี่ย์ มัวร์ เป็นท่าเรือติดริมน้ำ ทิวทัศน์สวยงามมาก โดยความจุราว 52,000 คน ไว้รองรับอนาคตอันยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้น
โปรเจคต์ของ โมชิรี่ ถือว่ายอดเยี่ยมเลย แฟนบอลประทับใจตรงจุดนี้ แต่อย่างที่บอกคนรอบข้างบางรายนั่นแหล่ะเนื้อร้าย
เหล่าเนื้อร้ายของ เอฟเวอร์ตัน ในสายตาแฟนบอล
คนแรกที่แฟนบอลจับจ้องมากเป็นพิเศษคือ บิลล์ เคนไรท์ เจ้าของเดิมที่ขายหุ้นให้ แต่ยังคงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญและถือหุ้นอีกบางส่วน
เคนไรท์ ถูกเอฟเวอร์โตเนี่ยนมากมายมองว่า เป็นคนอยู่เบื้องหลังพาทีมจมดิ่งอย่างที่เห็น โดยเฉพาะแนวคิดที่อนุรักษ์นิยม ไม่ยอมหมุนตามโลก ยึดความสำเร็จในอดีตเป็นหลัก แทนที่จะเลือกมองไปข้างหน้า
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่แฟนบอลจะโห่ใส่เสมอ เมื่อเห็นคุณลุงเข้ามานั่งชมเกมในกูดิสัน พาร์ค บริเวณบ็อกซ์วีไอพี แต่ก็ทำได้แค่นั้นเอง เคนไรท์ ไม่ได้แคร์อะไรเลย
อีกคนคือ เคีย ชูรับเรี่ยน เอเยนต์คนดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการ แม้เวลานี้จะไม่ได้มีแข้งดังในสังกัดเหมือนสมัยก่อน แต่เขาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นบริษัท ที่เซ็นสัญญากับนักเตะมีแววไว้เอง หลังจากนั้นนำมาเร่ขายให้ทีมอื่น
เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตนักเตะลิเวอร์พูล แต่ในอดีตเคยเชียร์เอฟเวอร์ตัน ชี้ชัดเลยว่า เคีย นี่เองที่เข้ามามีอิทธิพล ในการเลือกซื้อผู้เล่น เพราะมีความสนิทสนมกับ โมชิรี่ อยู่แล้ว
ยิ่งเจ้าของทีมไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลสักเท่าไร การยื่นผู้เล่นของตนมาให้ เพื่อจะฟันค่าหัวคิว มันก็ง่ายขึ้นอีก
บรรดาผู้เล่นจากอเมริกาใต้ไม่น้อย ที่มาค้าแข้งกับเอฟเวอร์ตัน ต่างผ่านการประสานโดยตรงจาก เคีย ด้วยกันแทบทั้งนั้น
ด้วยความที่อาศัยความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ โมชิรี่ ทุกอย่างเลยดูง่ายแบบดับเบิ้ล ไม่ต้องออกแรงมากมาย ก็สามารถปิดดีลได้สำเร็จ
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไร มาร์เซล บรันด์ ผู้อำนวยการกีฬาคนที่แล้ว จึงตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกว่าอึดอัดกับการทำงานในบทบาท ที่ไม่ได้มีอำนาจของตนอย่างเต็มที่
เขาต้องทนฟังแฟนบอลต่อว่าต่อขานเรื่องการซื้อนักเตะ ทั้งที่ความจริงแล้วบางคนไม่ได้เกี่ยวข้องเลยก็ตาม แต่ไม่ได้มีเยอะนักที่เข้าใจว่าฉากหลังเกิดอะไรขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชูรับเชี่ยน จะต้องมีเอี่ยวกับการเฟ้นหาผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งยังไม่ได้คำตอบ ท่ามกลางกระแสว่า โมชิรี่ อยากได้ มาร์เซลโล่ บิเอลซ่า มากอบกู้วิกฤต
บทควรามที่เกี่ยวข้อง กฎที่เหมือนเสือกระดาษให้เชลซีย่ำยี (ตลาดซื้อขายนักเตะ)
แต่ทาง เควิน เธลเวลล์ ผู้อำนวยการกีฬาคนปัจจุบัน ซึ่งต้องมีส่วนในการสรรหากุนซือโดยตรง ต้องการจะทาบทาม การ์ลอส การ์เบรัน ผู้จัดการทีมเวสต์บรอมวิชในเวลานี้มากกว่า
เพราะมองว่านี่คือคนรุ่นใหม่ วัยเพียงแค่ 39 ปี แต่มีประสบการณ์กับฟุตบอลอังกฤษพอสมควร ผลงานกับแบ็กกี้ส์นาทีนี้ก็ยอดเยี่ยมด้วย
อย่างไรก็ตามใช่ว่า ใครจะอยากมารับเผือกร้อนง่ายๆ บิเอลซ่า ก็ต้องคิดหนัก เพราะตลาดจะปิดแล้ว หาซื้อนักเตะที่ต้องการเสริมไม่น่าทัน
แม้กระทั่ง แซม อัลลาร์ไดซ์ อดีตกุนซือที่เคยพาหนีตกชั้นสำเร็จ ซึ่งถูกพูดถึงหนาหู ก็ยันว่าไม่เอาดีกว่า สถานการณ์แบบนี้อย่าเสี่ยงเลย
จนล่าสุด อาร์เนาต์ ดานจูม่า ที่ควรจะเซ็นยืมตัวได้แล้ว ก็เลือกหนีไปท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์แทน ทั้งที่ตกลงทุกอย่างกันเรียบร้อย แม้กระทั่งตรวจร่างกาย
รวมถึงกระแสข่าวที่ว่า โมชิรี่ ชักเบื่ออาจขายทีมในเร็ววันนี้ด้วยมูลค่าเพียง 500 ล้านปอนด์ ก็ล้วนแต่เกิดขึ้นในเวลาที้ยากลำบาก
ทอฟฟี่สีน้ำเงินจะเป็นอย่างไรตอนต่อไป น่าติดตามเลยจริงๆ