เดอะคล็อปป์ คือสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้าย บอกเลยว่าเวลานี้สถานการณ์ของลิเวอร์พูล ตึงเครียดหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆและยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ปัญหา เพื่อให้ผ่อนคลายขึ้นอย่างไรกัน
หลังโดนไบรท์ตันรัวแซง 2-1 เขี่ยตกรอบเอฟเอ คัพตั้งแต่แค่รอบ 4 เดอะ ค็อปทั้งหลายเริ่มแสดงความไม่พอใจมากขึ้นตามลำดับ
ฟุตบอลถ้วยในประเทศทั้ง 2 รายการ หลุดจากเส้นทางตั้งแต่ครึ่งซีซั่นเท่านั้นเอง ทั้งที่พวกเขาเป็นแชมป์เก่าทั้งหมด ไม่แม้แต่ใกล้เคียงจะเข้าไปป้องกันแชมป์ได้เลย
ว่ากันแบบไม่ต้องอ้อมค้อย หงส์แดงอาจดูกระเตื้องขึ้นนิดหน่อย หากเทียบกับเกมที่โดนไบรท์ตันยำขาด 3-0 แต่ว่าเกมนี้ก็ใช่ว่าจะเหนือกว่า สมควรแล้วที่ทัพนางนวลจะได้ตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ในเมื่อพวกเขาดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด นี่ขนาดว่าไม่มี มอยเซส ไกเซโด้ ห้องเครื่องคนสำคัญลงเล่น เพราะโดนดร็อปอันเนื่องมาจากแสดงท่าทีอยากย้ายไปอาร์เซน่อลมากเกิน
จากที่เคยข่มขาดเป็นลูกไล่มาตลอด หากไม่นับผลงานการเจอกันในฤดูกาลนี้ ถอยหลังไป 10 นัดหลังสุดก่อนหน้า ลิเวอร์พูลแพ้เพียงแค่นัดเดียว แต่มาวันนี้หลายอย่างเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ไบรท์ตันยกระดับขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ เล่นกันเป็นระบบ มีทีมเวิร์คแข็งแรงมาก นักเตะก็เปี่ยมวินัย
ส่วนหงส์แดงตกจากมาตฐานเดิม แถมไม่ใช่น้อยๆเลย ไล่ตั้งแต่หัวจดเท้า ล้วนแต่พูดถึงจุดอ่อนได้ทั้งสิ้น ไม่มีตรงไหนที่เทียบกับฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งลุ้น 4 แชมป์จนหยดสุดท้ายได้เลย
แถมลิเวอร์พูลยังมีโชคด้วยซ้ำ ประตูขึ้นนำหากผู้ตัดสินเช็ค VAR แล้วให้เป็นการแฮนด์บอลของ นาบี เกอิต้า ก่อนเลย ก็เป็นอันว่าจะต้องถูกริบทันที
ไม่ใช่แค่นั้นช่วงท้ายเกมทั้ง อิบราฮิม่า โกนาเต้ และ ฟาบินโญ่ โชคช่วยมหาศาลที่ไม่โดนใบแดงไล่ออก จากการเล่นหนักเกินกว่าเหตุ จนทำให้ผู้เล่นไบรท์ตันต้องบาดเจ็บอีก
ขนาดว่ามีการตัดสินที่ช่วยเกื้อหนุน ก็ยังกระเด็นตกรอบอยู่ดี มันพอจะบอกได้แหล่ะว่า ลิเวอร์พูลอาการน่าเป็นห่วงอย่างแรง
เดอะคล็อปป์ เปิดใจยอมรับออกสื่อ
เจอร์เก้น คล็อปป์ เปิดใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ยืดอกรับแบบแมนๆเลยว่า ไบรท์ตันคู่ควรกับการได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ไม่มีอะไรต้องติดค้าง
นอกจากนี้ก็ยกย่อง คาโอรุ มิโตมะ ตัวรุกฝั่งซ้ายของนางนวลว่าฟอร์มเฉียบขาดมาก ก่อกวนจน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์- อาร์โนลด์ ปั่นป่วนเป๋ไปเป๋มา ไม่มีทีท่าว่าจะรับมือได้เลย สุดท้ายต้องถอดออก แล้วให้ เจมส์ มิลเนอร์ มาประจำการแทน
สิ่งที่กุนซือเยอรมันดูจะหงุดหงิดมากก็คือ การป้องกันลูกตั้งเตะหรือเซ็จพีซ ที่มันแย่เหลือเกิน แก้เท่าไรก็ไม่หายขาด 2 ประตูที่เสียไป มีจุดเริ่มในลักษณะดังกล่าว
รวมทั้งเรียกร้องภาษากายที่ควรดูมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่านี้ หลายคนเฉื่อนเนือยเกิน จนทำให้ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในที่สุด
ในขณะเดียวกันก็ชื่นชมการปรับตัวของ โคดี้ กัคโป ว่ากระเตื้องจากเดิมแล้ว ทั้งตอนได้ครอบครองบอลและตอนวิ่งโดยปราศจากลูกบอล เพียงแต่ยังต้องการเวลาอยู่ดี
ประเด็นที่หลายคนอยากรู้มากๆก็คือ เกมนี้สะท้อนปัญหาชัดมากเลยว่าแดนกลางกำลังกลายเป็นตัวถ่วง ไม่มีผู้เล่นคนมาช่วยแบกรับได้ พวกที่เหลืออยู่ล้วนผ่านจุดพีกมาแล้วหรือไม่ก็ยังประสบการณ์น้อยเกินไป
ตลาดซื้อขายนักเตะมกราคมยังเหลืออีก 2 วัน จันทร์กับอังคารนี้ให้ดิ้นรนเสริมทันเดดไลน์ ตกลงแล้วควรมีมิดฟิลด์คนใหม่หรือเปล่า
คล็อปป์ ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า จะไม่มีการเซ็นผู้เล่นเพิ่มในตลาดหน้าหนาวอีก ทุกอย่างจบเท่านี้ ผู้เล่นที่มีอยู่ล้วนดีพอแล้ว คำยืนยันยังหนักแน่นคงเดิม
ก่อนหน้าเขาก็พูดไว้เลยว่า ตลาดซื้อขายผู้เล่น ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาเสมอไปหรอก มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เหมือนจะเตือนสติพวกกองเชียร์ที่อยากเห็นผู้เล่นใหม่เข้ามา
บทความที่เกี่ยวข้อง แข้งผีแดง ที่เป็นพิษต้องโดนทำลาย
แฟนบอลค้าน ขอนักเตะใหม่อุดรอยรั่ว
ทว่าในมุมของแฟนบอลกลับมองกันตรงข้ามคนละขั้วเลย กองกลางเกิดรูรั่วขนาดใหญ่ แล้วยังมัวนิ่งเฉยจริงๆหรือ ต่อให้ในทีมมีผู้เล่นตำแหน่งนี้หลายคน แต่ในแง่คุณภาพสอบตกกราวรูดจริงๆ
อย่างน้อยควรมีมิดฟิลด์สักคน ย้ายเข้ามาก่อนเส้นตายในวันคืนวันอังคาร เล่นเอาเดอะ ค็อปมึนลงกันเลย แก้ปัญหาทรงนี้ มันจะฝ่าวิกฤตไปได้อย่างไรกันล่ะ
ลำพังคำพูดที่ว่าเรามีนักเตะพอแล้วหรือคุณภาพโอเคแล้ว มันขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากเป้าหมายของทีมคือจบซีซั่นด้วยอันดับเลขตัวเดียวคงไม่มีใครว่า
ส่วนปัจจุบันเรื่องลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แทบปิดฉากเรียบร้อย ลุ้นท็อปโฟร์ก็ยากแสนยาก เหลือเพียงแค่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกต้องฉะเรอัล มาดริดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะไหวได้อย่างไรกัน
คำถามถูกโยนขึ้นไปยังฝ่ายบริหาร ตกลงแล้วมีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังอย่างไม่ชอบมาพากลกันแน่ รวมถึงทิศทางในการขายสโมสร แฟนบอลบางส่วนก็เสียงแตกเรื่องเจ้าของใหม่
ผลงานในสนามไม่น่าประทับใจ การทำงานของเบื้องบนก็ทำให้แฟนบอลสับสน รวมทั้งความต้องการของเดอะ ค็อปก็ดูไม่ตรงกันอีก
ตอนนี้เท่ากับว่าเหลือ คล็อปป์ ที่ควรเป็นเสาหลักให้พวกนักเตะได้ยึดเหนี่ยวเป็นอย่างน้อย ในวันที่ทุกอย่างดูมืดมิด เหมือนเดินมาเจอทางตัน แล้วกลับถอยหลังไม่ได้
แฟนๆอาจต้องภาวนาด้วย คล็อปป์ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ในสิ่งที่คาดไม่ถึง
หากไม่มีกุนซือเฮฟวี่เมทัลสักคน หงส์แดงอาจต้องถอยไปไกลถึงขั้นนับหนึ่งใหม่เลยทีเดียว
