แข้งผีแดง ที่เป็นพิษต้องโดนทำลาย ย้อนกลับไปเมื่อเมษายนปีที่แล้ว หลังเกมลิเวอร์พูลถล่มแมนฯยูไนเต็ด 4-0 บรรยากาศฝั่งแฟนผีช่างน่าสลดหดหู่เป็นที่สุด
กองเชียร์บางส่วนที่อุตส่าห์มาให้กำลังใจถึงแอนฟิลด์ โห่ใส่ผู้เล่นตัวเองด้วยความไม่พอใจ มันเหลืออดอย่างมาก แพ้ไม่ว่า แต่นี่มันแพ้อย่างน่าอับอาย จนต้องหากระป๋องมาคลุกหัวเพื่อกลับบ้าน
นี่ขนาดทางฝั่งหงส์แดงเล่นแบบออมแรงแล้ว พอนำห่างก็ปล่อยชิลๆไป ไม่อย่างนั้นอาจโดนมากกว่า 4 ดอก คงอัปยศอดสูมากกว่าที่เป็นอยู่
ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมในช่วงดังกล่าว ซึ่งจะนั่งรักษาการณ์จนจบซีซั่น หัวเสียไม่แพ้กัน คล้ายว่านักเตะไม่ได้ทุ่มเทอย่างที่ควรจะเป็น
แล้วเมื่อพ่ายยับอย่างนี้ คนที่ต้องรับผิดชอบก่อนจะเป็นใครไม่ได้หรอก นอกจากเขานี่แหล่ะ
กุนซือเยอรมันซึ่งปกติไม่ค่อยแสดงอาการสักเท่าไร เปิดใจแบบระเบิดอารมณ์เลย ย้ำว่านักเตะของแมนฯยูไนเต็ดที่มีอยู่ แทบใช้งานไม่ได้หรอก หากคุณวางเป้าหมายไว้ที่ความสำเร็จ ก็อย่าได้หวังให้เสียเวลา
พร้อมทั้งยืนยันว่า ต้องมีผู้เล่นมาใหม่ถึง 10 แล้วระดับคุณภาพอย่างแท้จริง ถึงจะฟื้นฟูบูรณะกันให้ดีขึ้นได้
จริงๆ รังนิก ต้องการเสริมทัพตั้งแต่ช่วงตลาดมกราคมแล้ว แต่เมื่อเสนอขึ้นไปบอร์ดบริหารไม่สนใจเลย อ้างเหตุผลว่าคุมแค่ 6 เดือนเท่านั้นนี่นา เดี๋ยวให้ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเซ็นแบบถาวรมาคุมจัดการเองเถอะ
ในมุมของบอร์ดมองแบบเอาง่ายเข้าว่า นั่นคือไม่อยากเสียเงิน แทนที่จะมองจากความจริงว่า ตอนนั้นแมนฯยูไนเต็ดต้องลุ้นท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมยูซีแอลก็ยังอยู่บนเส้นทาง
สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานอันห่วยแตกอย่างแท้จริง ไม่สมควรมาบริหารเลยด้วยซ้ำ
รังนิก ส่งลิสต์ผู้เล่นอย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ และ คริสโตฟ เอ็นคุนคู ให้ด้วย แต่ไม่มีการตอบรับกลับมาเลย จึงทำอะไรไม่ได้มากกว่าใช้ทีมเท่าที่มีไป
3 แข้งผีแดง เนื้อร้ายที่รังนิก อยากกำจัด!
ในขณะเดียวกันวงในเชื่อว่า รังนิก อยากให้สโมสรเขี่ยทิ้งผู้เล่น 3 รายอันมีทัศนคติเป็นพิษ ไม่เหมาะจะอยู่อีกต่อไป
บางคนเป็นตัวสร้างปัญหา ทำให้เกิดบรรยากาศอันย่ำแย่ ทั้งในห้องแต่งตัวและสนามซ้อม แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก อย่างที่บอกไว้ รังนิก ขยับลำบากมาก เหมือนก่อนเซ็นสัญญา ไม่ได้ตกลงคุยเงื่อนไขกันไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม 2 ใน 3 คนที่ รังนิก หมายหัวไว้นั้น ย้ายออกไปเรียบร้อยในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งคือ ปอล ป็อกบา กับ เอดินสัน คาวานี่
แฟนบอลเข้าใจได้เคสของ ป็อกบา ไม่ใช่แค่ รังนิก เท่านั้นต้องมาเผชิญหน้ากับนักเตะประเภทนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เคยเจอมาก่อนแล้ว
โฟกัสของ ป็อกบา แทบไม่เคยอยู่กับฟุตบอลเลย เขาสนใจเรื่องนอกสนามเป็นส่วนใหญ่ ทรงผมใหม่ รอยสัก ท่าเต้นอันพิสดาร หากว่าฟอร์มดีสม่ำเสมอ เหมาะกับค่าจ้างที่ทีมจ่ายให้ จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครคอยจับผิดหรอก
แต่นี่เล่นแบบเหยาะแหยะมาก อยากเล่นก็เอาจริง แต่เกมไหนไม่ไหวก็ปล่อย เหมือนไม่ได้แคร์ตราสโมสรที่อกซ้ายและความรู้สึกของแฟนบอลเลยสักนิดเดียว
ในรายของ คาวานี่ อาจแปลกใจบ้าง นี่คือนักเตะที่มีภสพมุ่งมั่นทุ่มเทในสนาม วิ่งพล่านทำงานหนักและบุคลิกเงียบขรึม ไม่ค่อยวุ่นวายกับใครนัก
อย่างไรก็ตามการที่เขาต้องมาเสียเสื้อเบอร์ 7 ให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คงก่อให้เกิดความผิดหวังอย่างมาก อีกทั้งคุยกันเสร็จสรรพว่าเขาจะเป็นแกนหลักกับทีมต่อไป แล้วคุณไปเอากองหน้าตัวใหม่เข้ามาอย่างนี้หรือ?
หลังจากนั้นมาดาวยิงอุรุกวัยก็แทบทิ้งตัวเลย หลายครั้งที่แจ้งสโมสรว่าบาดเจ็บไม่พร้อมลงเล่น แต่พอถึงคราวต้องรับใช้ทีมชาติกลับวิ่งปร๋อเลย แถมทำประตูได้อีกด้วย
จากที่ซัลโวประตูได้เป็นกอบเป็นกำในฤดูกาล 2020/21 ซัดไป 17 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ พอมาถึงฤดูกาลที่แล้วกลับเหลือแค่ 2 ประตูเท่านั้นเอง แตกต่างกันราวหน้ามือหลังมือ
นิสัยอย่างหนึ่งของ คาวานี่ ก็คือหากคิดว่าร่างกายไม่พร้อม จะไม่ยอมลงเล่นเด็ดขาด ต่อให้ทีมพแทย์ยืนยันสมบูรณ์มากพอก็ตาม
นี่เองอาจเป็นส่วนหนึ่งทำให้ รังนิก ไม่พอใจ แต่ในอีกด้านก็ต้องทำความเข้าใจดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยด้วยเช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง วิกฤตของ เอฟเวอร์ตัน มาจากอะไร?
ส่วนแข้งที่ รังนิก อยากจะบอกศาลาเลิกก็คือ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ด้วยทัศนคติที่ไม่ไหวเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันก็ยังเห็นกันอยู่
ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องความสามารถ แต่ความตั้งใจ แพสชั่นหรือกระหายในชัยชนะแทบไม่มีให้เห็น ขนาดทางฝั่งเซบีย่าที่เคยยืมตัวไปใช้งาน ยังแทบสาบส่งโนกลับคืนมา
ที่สำคัญยังคงเจ็บแบบกระปอดกระแปด เฉื่อยชาเกินกว่าจะเป็นนักเตะประเภทมองหาชัยชนะหรือความสำเร็จ ในเมื่อรับค่าจ้าง 250,000 ปอนด์ต่อวีก ก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร
เวลาได้ลงเล่นก็แทบไม่วิ่งเลย ฟุตบอลยุคใหม่ตัวรุกต้องคอยช่วยเกมรับ แต่อย่าหวังหาได้จาก มาร์กซิยาล เด็ดขาด กินแรงเพื่อนอย่างแท้จริง
หากคุณมีเพื่อนร่วมทีมอย่างนี้ก็คงเซ็งแหล่ะ แทนที่จะช่วยกันวิ่งบ้าง ก็จ็อกเบาๆ รอโอกาสอยู่ข้างหน้า ไม่ขยับสอดส่ายหาพื้นที่ ทั้งมีความปราดเปรียวคล่องตัว
ทุกวันนี้ก็ยังคงเดี้ยงอยู่ หายหน้าหายตาไปอีกแล้ว เปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่ก็ยังไม่ดีขึ้น ต่อให้ได้รับการสนับสนุนก็ตาม
อย่างไรก็ดีแมนฯยูไนเต็ดได้ เวาท์ เวกฮอร์สท์ ที่ทุ่มเทแบบแตกต่างคนละเรื่องมาเป็นกองหน้าทางเลือกแล้ว
คราวนี้แหล่ะ มาร์กซิยาล จะลำบากมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน แต่จะให้ดี เอริก เทนฮาก เองก็ต้องหาทางเขี่ยทิ้งในช่วงซัมเมอร์นี้เช่นกัน