จากที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า อาร์เซน่อล จะเขย่าพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ด้วยความรุนแรงระดับ 10 ริคเตอร์ มาถึงตอนนี้แทบจะตะลึงงัน อ้าปากค้างไปตามๆกัน
เพราะอาร์เซน่อลเปลี่ยนโฉมไปจากซีซั่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด เกมรุกที่หนักแน่นดุดันเด็ดขาด บวกด้วยเกมรับที่ผ่านการขันนอตมาอย่างดี ล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม ต้องได้รับเครดิตไปเต็มๆ อดทนทำงานมาอย่างนัก ฟูมฟักเอาใจใส่ จนก้าวไกลมาถึงตรงนี้ ต้องชู 4 นิ้วโป้งการันตีเลย
รวมทั้ง เอดู ผู้อำนวยการกีฬา ซึ่งช่วยเฟ้นหานักเตะที่ใช่ แม้จะโดนถล่มมามากว่าเลือกผู้เล่นมั่วซั่ว ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ มาถึงตรงนี้ไม่มีใครกล้าต่อว่าอีกแล้ว
สองคนนี้ทำงานร่วมกัน กอดคอกันฝ่าฟันอุปสรรคมาตลอด ลุ้มลุกคลุกคลานกลางทางเรื่อยมา แต่ก็ฉุดกันขึ้นสู้ ประคับประคองกันต่อไป จนกระทั่งได้รางวัลตอบแทนในความพยายาม
การเขี่ยผู้เล่นตัวปัญหาพ้นทีม ไม่ว่าจะเป็น ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง และ เมซุต โอซิล ซึ่งเป็นพวกดาวดังฟันค่าจ้างมหาศาล แต่ไม่ทุ่มเททำงานให้สมกับสิ่งที่ได้รับ
เช่นเดียวกับปล่อยยืม นิโกลัส เปเป้ ซึ่งย้ายมาด้วยค่าตัวแพงสุดบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร แต่ไม่คิดปรับเปลี่ยนตัวเอง จนทุกคนแทบจะลืมชื่อเรียบร้อย
เมื่อไม่มีแข้งตัวการให้ก่อปัญหาอีก บรรยากาศในแคมป์ก็ดีขึ้นตามลำดับ พวกนักเตะที่เหลือและดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาอย่างเต็มตัว ต่างศรัทธาและเชื่อมั่นเจ้านายอย่างเต็มที่
พวกเขาไม่เคยสงสัยหรือกังขา อาร์เตต้า แม้จะผ่านชั่วโมงบินมาน้อย แทบไม่มีประสบการณ์การเป็นเบอร์ 1 มาก่อนเลย แค่เคยเป็นมือขวา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แมนฯซิตี้เท่านั้นเอง
เพราะพวกเขาใหญ่ก่อนหน้าอย่าง โอบาเมย็อง พยายามทำตัวข่มผู้จัดการทีม หนักกว่านั้นก็คือพฤติกรรมดังกล่าวมันออกสื่อด้วย เรียกเจ้านายว่า “มิเกล” เฉยๆ แทนที่จะเป็นบอสหรือโค้ช
ชัดเจนว่านักเตะขาดความเคารพยำเกรง เมื่อรวมกับเรื่องวินัยอันหย่อนยาน ทั้งที่เป็นกัปตันทีม นั่นจึงต้องหาทางกำจัดออกสถานเดียว จะเป็นอื่นไปไม่ได้เลย
พอได้นักเตะที่เป็นของตัวเอง แผนการของ อาร์เตต้า ที่ทำเอาไว้ก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมาตั้งแต่ท้ายฤดูกาลก่อน แต่มันยังไม่ฉายให้เห็นชัดมากนัก กระทั่งมาแจ่มแจ้งแทงทะลุก็เอาในซีซั่นนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า ไม่อาจนำอาร์เซน่อลมาไกลถึงขั้นนี้ได้หรอก หากไม่มีการสนับสนุนที่ดีจากบอร์ดบริหาร อันหมายถึงความไว้วางใจและเงินทุนสำหรับลงตลอดซื้อผู้เล่น
นับตั้งแต่ สแตน โครนเก้ หุ้นส่วนใหญ่ ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โยนภารกิจให้ จอช โครนเก้ ลูกชายเข้ามาดูแลแบบเต็มพิกัด แล้วตัวเองถอยห่างออกไป หลายอย่างดีขึ้นตามลำดับ
บทความที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ ปืนดวลผี กลับมามีความหมาย หลังจากห่างหายไปนานเกือบ 20 ปี
เมื่อผู้จัดการทีม เข้ากับฝ่ายบริหารได้ ผลที่ได้คือ อาร์เซน่อล!
จอช ถือเป็นพวกรุ่นใหม่ไฟแรง อายุอานามไล่เลี่ยกับ อาร์เตต้า และไม่ได้ห่างจาก เอดู เท่าไรนัก มองในมุมที่แตกต่างออกไป ยินดีที่จะสนับสนุนโปรเจ็คต์ของ อาร์เตต้า ซึ่งหมายความว่าทุ่มทุนหนักอย่างไม่เสียดาย
อีกทั้งเขาปล่อยให้ทีมงานทำหน้าเลือกหานักเตะเอาเอง จะซื้อใครหรือใคร ต้องให้ผู้อำนวยการกีฬาและผู้จัดการเป็นคนตัดสินเป็นหลัก ถือว่าทำตามบทบาทและกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง ไม่ได้มีการก้าวก่ายกัน
สำคัญอย่างที่บอกไว้ เงินทุนที่สนับสนุนมาเรื่อยๆ ทำให้เราได้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดมากๆ
ตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อลใช้เงินในตลาดนั้นเกือบ 160 ล้านปอนด์มากกว่าทีมไหนในพรีเมียร์ลีก ทั้งที่เพิ่งผ่านพ้นโควิดมาหมาดๆ
หลังจากนั้น อาร์เตต้า พัฒนาพวกผู้เล่นใหม่หลายคน ให้กลายเป็นแข้งคนสำคัญในเวลาต่อมา มีส่วนร่วมกับการพาทีมจบอันดับ 5 บนตารางพรีเมียร์ลีก ทั้งที่ตอนออกสตาร์ตพ่ายเรียบวุธ 3 นัดรวด เสีย 9 ประตู แถมยิงไม่ได้เลย
พอมาตลาดซัมเมอร์ ก็ทุ่มทุนไปอีกเกือบ 150 ล้านปอนด์ ต่อยอดตามลำดับ เติมในส่วนที่ยังคิดว่าขาดหายไป เพื่อทำให้ศักยภาพขุมกำลังแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะเชิงลึก อันหมายถึงแต่ละตำแหน่งมีคนทดแทนกันได้อย่างดี
พวกเขายังดึง วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่ปล่อยให้โอลิมปิก มาร์กเซยยืมตัวกลับมาใช้งานเป็นแกนหลักอย่างรวดเร็ว เกมรับที่เคยหละหลวมแน่นหนาขึ้น เหมือนลงกลอนกันใหม่
แล้วพอมาถึงตลาดมกราคมในเวลานี้ อาร์เซน่อลที่เพิ่งพลาดท่าเสียทีทำ มิไคโฮ มูดริค หลุดมือไปอยู่กับเชลซี ก็รีบเบนหัวเรือหา เลอันโดร ทรอสซาร์ มาแทนอย่างรวดเร็ว
บอร์ดบริหารยืนดีอนุมัติงบเกือบ 30 ล้านปอนด์ แม้ในทีมจะมีตัวรุกเยอะอยู่แล้ว กาเบรียล เชซุส ก็จะหายเจ็บกลับมาอีก รวมทั้ง เอมิล สมิธ โรว์ ซึ่งหายหน้าไปนานก็หวนคืนอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่แดนหน้า หลังบ้านยังมีสมาชิกใหม่เข้ามาคือ ยาคุบ คีวิออร์ เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติโปแลนด์ชุดฟุตบอลโลกล่าสุดเข้ามาอีกราย ค่าตัวราว 25 ล้านยูโรด้วยกัน
เห็นกันแล้วว่าอาร์เซน่อลจ่ายแบบต่อเนื่อง ค่อยๆเติมเต็มในแต่ละตลาด นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเจิดจ้าแรงกล้านั่นเอง
บุคลากรที่มีความสามารถ มาพร้อมกับการทุ่มงบประมาณแบบจริงจัง ไม่ใช่เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้ปืนโตยึดแท่นพรีเมียร์ลีกมายาวนาน จนแชมป์เก่าอย่างแมนฯซิตี้ยังสะท้าน
นี่คืออาร์เซน่อลยุคใหม่ ที่กำลังอ้าแขนรอรับความสำเร็จและเกียรติยศ