” วรวุฒิ สุขุนา ” เมาแล้วขับ ทำตัวเองดับด้วย

หลังจาก วรวุฒิ สุขุนา ผู้รักษาประตูจาก ชลบุรี เอฟซี ก่อเหตุ เมาแล้วขับ ไม่พอ ยังซิ่งอันตรายชนคนที่มาเดินออกกำลังกายในตอนเช้าเสียชีวิต

มันทำให้เรื่องนี้กลายเป็นตัวอย่างหรืออุทธาหรณ์ ให้พวกนักฟุตบอลอาชีพคนอื่นๆ โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่มักชอบดื่มกันเป็นปกติ แล้วยังเลือกที่จะขับรถเดินทางเอง ไม่ลอกเลียนแบบ เพราะเห็นแล้วว่าผลกระทบที่ตามมามันสาหัสแค่ไหน

แม้ทางชลบุรียืนยันไม่ตัดอนาคตเด็กด้วยการยกเลิกสัญญา จนโดนกระแสในโซเชี่ยลโจมตีอย่างหนักว่าไม่เหมาะสม แต่บอกว่าอนาคตของ วรวุฒิ ที่กำลังรุ่งโรจน์โชติช่วง ริบหรี่ลงแทบจะทันทีทันใด

อนาคตดับมืด

เด็กหนุ่มวัย 23 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงของทัพฉลามชล เพราะพวกรุ่นพี่ต่างบาดเจ็บ ซึ่งเขาฉกฉวยโอกาสได้อย่างยอดเยี่ยม โชว์ฟอร์มเซฟสุดหนึบ สร้างความเชื่อมั่นให้กับเพื่อนร่วมทีม

จาก 6 นัดหลังที่ได้ออกสตาร์ต เสียไปเพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้น แล้วยังทำได้อีก 2 คลีนชีต จนมีข่าวว่า มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย อาจตัดสินเรียกร่วมทัพชุดใหญ่ หลังนักเตะผ่านประสบการณ์ช่วยช้างศึกชุดเยาวชน 19 ปี รวมทั้งเคยโดนเรียกมาร่วมซ้อมกับทีมชุดยู-23 มาแล้ว

ไม่เกินเลยไปนักหรอกหากจะบอกว่า วรวุฒิ คือหนึ่งในฟันเฟือง ขับเคลื่อนชลบุรีขึ้นไปอันดับ 3 ของตารางไทยลีกอย่างน่าเซอร์ไพรส์ ไม่ใช่มีลุ้นแค่ไปเล่นบอลถ้วยเอเชีย แต่ประตูสู่แชมป์ก็ยังเปิดกว้างเช่นกัน

ลองนึกภาพนักเตะดาวรุ่ง กำลังฝันหวานกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ทั้งโอกาส เงินทองและชื่อเสียง เตรียมหลั่งไหลมาดูสิ แล้วจู่ๆต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้า แถมเป็นการกระทำของตัวเอง มันจะแย่หนักแค่ไหน

ตราบาปที่ติดตัวไปตลอด

เขาโดนสังคมโจมตีอย่างหนัก เมาแล้วขับก็ว่าอันตรายผิดกฎหมายหนัก นี่ยังชนคนอื่นเสียชีวิต 1 และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ญาติพี่น้องพวกเขาจะรู้สึกเสียใจแค่ไหนกัน
มาเดินออกกำลังกาย หวังจะรักษาสุขภาพ ปลอดโรคภัยต่างๆ อยากให้มีอายุยืนยาว แต่กลับต้องมาเจอนักเตะวัยรุ่นแข้งอาชีพ ในสภาพเมาปลิ้น ซิ่งรถมาชนจนสิ้นตรงนั้นอย่าน่าอนาถ

ต่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในสโมสรยังใจดี พร้อมให้ วรวุฒิ ยังมีที่ยืน ไม่ใจร้ายขนาดตัดหางปล่อยวัดซะเลยทีเดียว แต่โอกาสจะได้รับการอภัยจากสังคมมันยากมากๆ กลายเป็นตราบาปของชีวิต รวมทั้งไม่มีทางที่จะถูกเรียกติดทีมชาติไทยแล้ว

แน่นอนว่าเขาสำนึกผิด ร่ำไห้น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ประกาศเลิกดื่มอย่างเด็ดขาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันเวลาในอดีตจะหวนกลับคืนมา จิตใจมีแต่บาดแผลไม่มีทางรักษาให้เหมือนเดิม

จากนี้ไปจะถึงเวลาที่ วรวุฒิ จะได้ชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำบ้างแล้ว แม้ไม่อยากยอมรับแต่ก็ไม่มีทางเลี่ยงพ้นหรอก

ปัญหานักเตะสายดื่ม ไม่ได้มีแค่ที่ไทย

จริงๆเรื่องวัฒนธรรมการดื่มของบางสโมสรนี่ ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้เล่นไทยเท่านั้นหรอก ที่อังกฤษก็มีมากมาย ยิ่งในยุคก่อนด้วยแล้ว ถือเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันตามปกติเลย

อย่างของแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะมีการแต่งตั้ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาเป็นผู้จัดการทีม พวกนักเตะก็ตั้งแก๊งดื่มกันมี ไบรอัน ร็อบสัน เป็นเหมือนลูกพี่ใหญ่ เพราะเป็นกัปตันทีมเองด้วย

นอกจากนั้น นอร์แมน ไวท์ไซด์ เจ้าของฉายา “ไอ้หนูจอมเกเร” ก็เป็นขาประจำร่วมวงเช่นเดียวกัน พอล แม็คกรัธ ที่ต้องดื่มทุกวันก็ไปแจมบ่อยๆ

พวกเขาดื่มกันหนักหน่วงมาก ไม่ใช่แค่แมนฯยูไนเต็ดทีมเดียวหรอก อีกหลายสโมสรก็ไม่ต่างกัน

แต่เหนื่ออืนใดพวกหากรู้ว่าเมา ก็จะไม่ขับรถ หาใครสักคนมาเป็นสารถีให้แทน เพราะกฎหมายเมาแล้วห้ามขับของอังกฤษมีมานานแล้วและบทลงโทษแรงมาก หากโดนจับได้ เตรียมเข้าคุกก่อนเลยในเบื้องต้น แล้วยึดใบอนุญาตขับขี่อีกเป็นปี

ลี ชาร์ป ซึ่งเป็นแข้งวัยรุ่นย้ายมาในปี 1988 ติดสอยห้อยตามรุ่นพี่เป็นประจำ แต่ไม่ได้ดื่ม จะไปนั่งฟังพวกขาใหญ่คุยกันสรวลเสเฮฮาในวง แล้วพอแยกย้ายกันกลับ เขาจะเป็นคนขับไปส่งเอง

เรียกว่ารับบทโชเฟอร์ดูแลอย่างดี ตระเวนส่งตามบ้านจนครบคน แล้วตัวเองค่อยกลับ

อย่างน้อยพวกเขาก็ยังแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่เมาแล้วคะนอง ไม่สนใจคนอื่น ข้าจะขับใครจะทำไม

กระนั้นแม้กฎหมายที่โน่นจะแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักเตะคนอื่นๆ จะจำและทำตาม มีฝ่าฝืนและถูกจับได้ จนตกเป็นข่าวฉาวโฉ่บ่อยๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง
คล็อปป์ VS เฮนโด้ ขัดแย้งหรือแรงหมด?

เคสการเมาแล้วขับของเหล่านักเตะ

อย่างเมื่อ 5 ปีก่อนหรือปี 2017 เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งกำลังจะย้ายไปเล่นในเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ โดนตำรวจจับข้อหาเมาแล้วขับ ก่อนจะโดนหิ้วไปขังคุกครึ่งวัน แล้วได้เอเจ้นท์มาช่วยประกันออกมา

ศาลยึดใบขับขี่ ห้ามขับรถเด็ดขาดเป็นเวลา 2 ปี ปรับเงินอีกเกือบ 200 ปอนด์และบำเพ็ญประโยชน์ 100 ชั่วโมง อ่วมอรทัยกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้เอฟเวอร์ตัน ต้นสังกัดในช่วงดังกล่าว ก็จริงจังสั่งริบเงินค่าจ้างเป็นเวลา 2 สัปดาห์ด้วยกัน ซึ่งก็น่าจะเป็นหลักแสนปอนด์อยู่แล้ว

ยังไม่หมด เขาต้องถูกสังคมโจมตีอีก เป็นนักเตะอาวุโส เป็นทั้งตำนานทีมชาติอังกฤษและแมนฯยูไนเต็ด ยังทำพฤติกรรมอันย่ำแย่ ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชนและตัวเขาเองก็มีลูกชายอีกด้วย

ยาย่า ตูเร่ แข้งดังของแมนฯซิตี้ ก็โดนคดีเดียวกันในปี 2016 เมาแล้วขับ ซ้ำร้ายเขาเป็นมุสลิมที่ควรเคร่งครัดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ จนต้องออกมาขอโทษในภายหลัง

สิ่งที่ต้องชดใช้คือ ยึดใบขับขี่ปีครึ่ง โดนสั่งปรับจากสโมสรอีก 54,000 ปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับสำนึกผิดทุกอย่าง ไม่แก้ต่างอะไรเลย

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตัวรุกของลิเวอร์พูลก็โดนจับได้เหมือนกันว่าเมาแล้วขับในปี 2016 เจอปรับไป 20,000 ปอนด์และห้ามขับเป็นเวลา 1 ปี

โทนี่ อดัมส์ กัปตันผู้เป็นตำนานขออาร์เซน่อลหรือ ดาร์รอน กิ๊บสัน ก็ฝ่าฝืนเมาแล้วขับ ก่อนจะเจอบทลงโทษ โดยเฉพาะรายหลังถึงขั้นติดเหล้าหนัก จนต้องเข้ารับการบำบัด

แม้จะแค่เมาแล้วขับ ไม่ได้ถึงขั้นประมาทขาดสติจนเกิดอุบัติเหตุ แต่ทุกคนที่ว่าล้วนโดนตำหนิ ว่าขาดความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองไม่พอ ยังกล้าเอาชีวิตคนอื่นไปเสี่ยงบนท้องถนนอีกด้วย

เพราะเวลาที่เกิดเหตุแล้ว มันย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ชีวิตแทบจะพังครืนเหมือนเคสของ วรวุฒิ สุขุนา นี่แหล่ะ