คล็อปป์ VS เฮนโด้ ขัดแย้งหรือแรงหมด?

” คล็อปป์ VS เฮนโด้ ” ผลงานอันทรงๆทรุดๆของ ลิเวอร์พูล ในยามนี้ พวกสื่อคาดกันว่าน่าจะส่งผลกระทบถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ไม่กี่วันก่อน พอล สโคลส์ ในบทบาทของกูรูวิเคราะห์เกมหน้าจอทีวี แสดงความเห็นว่าความสัมพันธ์ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไม่น่าจะดีเหมือนอย่างที่เคยเป็น

เพราะ เฮนโด้ คือกัปตันทีม ซึ่งยังไงก็สำคัญมากๆแหล่ะ แต่พักหลังไม่ค่อยได้ลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย อย่างเกมล่าสุดที่โดนน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์เผาเครื่อง ก็ต้องนั่งรอโอกาสที่ข้างสนาม

มันอาจมาจากเรื่องสภาพร่างกายที่เริ่มวูบตามวัย ไม่สดใหม่เปล่งปลั่งเหมือนในอดีต ซึ่งวิ่งสู้ฟัดได้เหมือนพวกม้าศึกคึกตลอดเวลา

แต่หากมองในอีกด้าน เท่าที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ หนึ่งในปัญหาที่ชัดเจนของหงส์แดงคือขาดกองกลางระดับคุณภาพเป็นพลังขับเคลื่อน หลายคนบาดเจ็บจนลงไม่ไหว ในขณะที่บางคนก็ยังชั้นไม่ถึง

แทนที่ เฮนโด้ จะได้โอกาสลงสม่ำเสมอ ในฐานะหัวใจหลัก กลับลงแบบชักเข้าชักออก ไม่การันตีเลยว่าจะได้เป็นตัวจริง

เมื่อคุณเป็นกัปตันทีม มีปลอกแขนที่แสดงถึงฐานะว่าใหญ่กว่าใครเป็นรองแค่กุนซือ แล้วต้องมาลุ้นทุกนัดว่าจะได้ออกสตาร์ตหรือเปล่า มันคงไม่ใช่แล้ว

ลงตัวจริงไม่ได้ ได้มาแบบโชคช่วย

อย่างไรก็ดีมีกองเชียร์ตั้งข้อสังเกตว่า เฮนโด้ ไม่ได้จองตำแหน่งตัวจริงแบบนอนมาหรอกนะ ไม่เหมือน ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ดูได้รับความไว้วางใจมากกว่า จึงไม่น่าจะมีความขัดแย้งอะไร

แต่หากเรามองย้อนไปก่อนหน้า เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยแสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยเชื่อใจ เฮนเดอร์สัน เท่าไรนัก บางเกมเปลี่ยนตัวออก บางนัดก็ส่งลงไปเล่นจากการเป็นตัวสำรอง จนเริ่มมีรอยร้าวเกิดขึ้น

กระทั่งเขาค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นมา จนกลายเป็นกระดูกสันหลัง เหมาะสมกัปตันทีมอย่างเต็มตัว ซึ่งทาง คล็อปป์ ก็ยอมรับและขอโทษผ่านสื่อด้วย ว่ามองพลาดไปจริงๆ

ทั้งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อด้วยการครอง พรีเมียร์ลีก ล้วนแต่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเติมให้เต็ม จนสามารถพาทีมไปสู่ฝันได้

ทว่าในอีกด้าน เฮนโด้ ก็ยังถูกเดอะ ค็อปมองว่า คลาสบอลธรรมดาเกินไป ไม่ใช่พวกเหนือชั้นปั้นเกมได้เหมือน ติอาโก้

เชิงบอลไม่ได้สวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ มีลูกพลิกแพลงแก้ไขมาโชว์ เป็นประเภทใช้พละกำลังเข้าสู้มากกว่า

ความแข็งแกร่งลดลงตามสภาพร่างกาย

เมื่อเน้นการใช้ฟิสิคัลมากๆอย่างนี้ มันต้องแลกกับเรื่องรางกายที่ทรุดลงตามกาลเวลา อายุก็ปาเข้าไป 32 ปีแล้ว มันยากจะยืนระยะไหว เล่นได้แบบมีความฟิตไม่อ่อนล้าเหมือนอย่างที่เคย

เรื่องนี้ตัวเขาเองก็คงเข้าใจไม่ยากหรอก เพียงแต่ปัญหาตกไปอยู่ที่ คล็อปป์ ซึ่งไม่อาจแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาคือความผิดพลาดที่ไม่ดึงกองกลางคุณภาพมาเสริม

ลำพังแค่ยืม อาร์ตู เมโล่ มาจากยูเวนตุส ไม่ใช่การแก้ไขที่ตรงจุดนัก แถมมาไม่เท่าไร เล่นไปไม่กี่นาที มาโชคร้ายบาดเจ็บหนักพักยาว 3-4 เดือนเข้าให้อีก เคราะซ้ำกรรมซัดเลยจริงๆ

ต้องยอมรับว่าลิเวอร์พูลอยู่ในช่วงผลัดใบ ผู้เล่นหลายคนอายุมาก ผ่านจุดสุดยอดของการค้าแข้งมาแล้ว สมดุลที่เคยมีก็ลดระดับลง เพราะไม่อาจมีขุมกำลังมากพอสำหรับการขึ้นมาทดแทนกัน

อย่างในแดนกลางเมื่อ เฮนโด้ วัยปาเข้าไป 32 ติอาโก้ ก็ครบ 31 ปีมาเรียบร้อย แม้จะมีเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬามาช่วยให้ร่างกายเปรี๊ยะ ยืนระยะเล่นได้นานมากขึ้น แต่การกรำศึกอันยาวนาน เล่นแบบเต็มแม็กเมื่อฤดูกาลก่อน เริ่มส่งผลร้ายมาให้เห็นแล้ว

ปัญหานักเตะไม่เพียงพอ

ซีซั่นที่แล้วหงส์แดงเล่นครบทุกเกม เพราะบอลถ้วยทั้ง 3 รายการหักด่านผ่านเข้าชิงทั้งหมด ส่วนในลีกก็ต้องโซ้ยกันตามโปรแกรม 38 นัดอยู่แล้ว ด้วยขนาดทีมที่มีอยู่ยังไงก็ไม่เพียงพอสำหรับการโรเตชั่น สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเล่นอย่างมีคุณภาพ

นอกจากนี้ช่วงพักเบรกก็มีแค่สั้นเท่านั้นเอง หลายคนต้องมารับใช้ทีมชาติในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ได้ผ่อนคลายกันไม่กี่สัปดาห์ ไม่น่าจะถึงเดือนด้วยซ้ำ ก็ต้องมารายงานตัวเข้าแคมป์ เตรียมตัวสำหรับปรีซีซั่นกันแล้ว

นี่อาจเป็นเหตุผลหลักเลย ทำให้แข้งลิเวอร์พูลกรอบเป็นข้าวเกรียบ วิ่งกันแทบไม่ออก แข้งขามันล้า ร่างกายมันเหนื่อย ไม่ใช่เครื่องจักรที่จะได้ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน แบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร

เมื่อเป็นอย่างนี้ประเด็นที่ พอล สโคลส์ ตั้งข้อสังเกตขึ้นมา อาจโดนตีตกไป เพราะบางที เฮนโด้ เองก็อยากจะขอร้องให้ผมพักบ้างเถอะเหมือนกัน

นอกจากนี้ที่ต้องจับตาก็คือ เขาอาจจะอยู่กับทีมเป็นฤดูกาลสุดท้ายแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเดินออกมา แล้วปล่อยให้รุ่นหลังก้าวขึ้นทดแทน ซึ่งเป็นสัจธรรมยังไงก็เลี่ยงหลบไม่ได้หรอก

บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีฝ่าฟันปัญหาของ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล อาถถรพ์ 7 ปี

หากที่ พอล สโคลล์ พูดเป็นเรื่องจริง

น่าสนใจก็คือหาก เฮนโด้ ไม่ลงรอยกับ คล็อปป์ อย่างที่ สโคลส์ จุดชนวนเอาไว้ นั่นอาจหมายถึงการจากลาที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไรแน่ๆ ต่อให้เคยสร้างคุณงามความดีไว้มากมาย รวมถึงเป็นที่ยอมรับของแฟนบอลมาก่อนก็ตาม

แต่ถ้าไม่ใช่ ก็คงเป็นแค่การยอมรับความจริงของทั้งนักเตะและผู้จัดการทีม สภาพร่างกายมันเตือนมาแล้วว่าไม่ไหว ก็ไม่อาจฝืนทนแบกรับต่อไป การลงเล่นแบบตัวจริงสลับสำรองคือหนทางดีสุด

อีกเรื่องที่ต้องตามดูกันคือ ในตลาดหน้าหนาว ซึ่งจะเปิดทำการเดือนมกราคมนี้ คล็อปป์ วางแผนไว้อย่างไรเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องทั้งหลาย การซื้อผู้เล่นที่ต้องการ ไม่ใช่แบบตัดปัญหาเฉพาะหน้า จะเกิดขึ้นหรือไม่ ตรงนี้น่าคิดเหมือนกัน

เพราะหากกุนซือเยอรมัน ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบนอย่างที่ควรจะเป็น สาวกหงส์แดงอาจได้ยิน ในสิ่งที่ไม่เคยอยากได้ยินมาตลอด

คล็อปป์ อาจจะเปิดหมวกอำลาไปก่อนใครเลยก็ได้