หลายคนมองว่า นี่คือฤดูกาลที่เงียบเชียบของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ อย่างแท้จริง
จะว่าไปแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นเลย ดูไม่เปล่งปลั่งเหมือนอย่างเคย ดร็อปไปพร้อมกับผลงานของลิเวอร์พูล ซึ่งต้องพูดว่าช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน หากเทียบกับซีซั่นก่อนนี่ บอกเลยว่าฟ้ากับเหวของจริง
อย่างไรก็ดีจำนวน 17 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ ที่ดาวเตะอียิปต์ทำได้ในเวลานี้ ถามว่ามันน้อยหรือเปล่า? คำตอบคือไม่เลยสักนิด
แล้วทำไมคนถึงบ่นว่าฟอร์มดร็อปลงไปกันล่ะ? อันนี้ก็เป็นคำถามที่น่าสนใจและคำตอบก็คงประมาณว่า บทบาท ซาลาห์ ลดลงจากเดิมเลยจริงๆ
ในเกมสำคัญหรือในสถานการณ์ ที่ต้องการเห็นเขายิงประตูกอบกู้ช่วยได้เหมือนอย่างที่เคย มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น มีน้อยลงมาก จะพูดว่าแทบไม่เห็นเลยก็ว่าได้
มันเป็นเรื่องปกติ เมื่อคุณทำผลงานเปรี้ยงปร้างไว้มาต่อเนื่อง 3-4 ฤดูกาลหลัง แล้วพอมาเป็นแบบนี้เข้า ยังไงก็ต้องเจอเสียงวิจารณ์ธรรมดา
มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมาจากสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งเขาเพิ่งขยายออกไปช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมค่าจ้างใหม่ 19 ล้านปอนด์ต่อปีหรือตกแล้ว 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของทีม
พอต่อสัญญาเรียบร้อย ได้ระยะเวลามั่นคง ค่าจ้างมหาศาลบานตะเกียงแบบดับเบิ้ล เป็นธรรมดาที่จะถูกตั้งข้อสังเกตว่า แรงกระหายมันลดลง ไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อน
อยู่ในคอมฟอร์ทโซนแล้ว รู้สึกปลอดภัยไม่มีอะไรต้องกังวลหรือเร่งสปีดตัวเองขึ้นมาอีก
บางคนมองว่าการขาดหายไปของ ซาดิโอ มาเน่ ที่เลือกไม่ต่อสัญญา ก่อนจะเผ่นไปบาเยิร์น มิวนิคในตลาดฤดูร้อนที่ผ่านมา ก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องพอสมควร
สองคนนี้อาจไม่ลงรอยกันเท่าไรนักตามข่าวลือ แต่ในความเป็นจริง ต่างยึดวิถีมืออาชีพเป็นที่ตั้งทั้งคู่ คอยช่วยสนับสนุนกันอย่างเต็มที่
รวมทั้งประเด็นสภาพร่างกายที่โรยลงไป ไม่เปรี๊ยะเหมือนอย่างสมัยหนุ่มแน่น ล้วนแต่มีส่วนด้วยกันตามความเชื่อของแฟนบอล
อย่างไรก็ดีมีบางคน ขุดคุ้ยรื้อฟื้นอดีตและเชื่อว่า น่าจะเป็นปมที่ส่งผลมายังปัจจุบันอีกต่างหาก
อดีตอันปวดใจของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
หากใครยังพอจำกันได้เมื่อราว 2 ปีก่อน ซาลาห์ เพิ่งเปิดใจกับเดียริโอ อาสสื่อของสเปนเอาไว้ ชนิดต้องบอกว่าเขย่าหงส์แดงอย่างแรงเลย
เขายอมรับรู้สึกผิดหวังไม่ได้เป็นกัปตันทีมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ซึ่งลิเวอร์พูลไปเยือนมิดทิลลันด์ของเดนมาร์ก
ขณะเดียวกัน ซาลาห์ มีชื่อในไลน์อัพด้วย ได้แค่เดินตามหลัง เทรนท์ ลงสนาม ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวยิ่งนัก
ในวันที่ไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไม่มี เจมส์ มิลเนอร์ ไม่มี เฟอร์กิล ฟานไดค์ รวมถึงแข้งหลักอีกมากมาย โอกาสอย่างนี้เขาควรได้รับปลอกแขนกัปตันทีมไม่ใช่หรือ
เพราะว่ากันแบบแฟร์ๆ นับตั้งแต่ย้ายจากโรม่ามาสู่ทีมในปี 2017 ซาลาห์ ยกระดับเป็นแกนหลักและขวัญใจเดอะ ค็อปอย่างรวดเร็ว นอกจากมีส่วนสำคัญพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแล้ว ยังซัดกระจุยถึงรายการ 44 ประตู
ฤดูกาลถัดมาๆ ก็ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างน่าพอใจ อิทธิพลจากความยอดเยี่ยมในสนาม ไม่ใช่ถูกตีกรอบแค่ในสโมสรเท่านั้น แต่ในอียิปต์ยังก้าวสู่เป็นไอดอลเต็มตัว รวมถึงความนิยมในหมู่แฟนบอลมุสลิมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในวันที่มีเลือกตั้งประธานาธิบดีอิยิปต์ มีผู้คนไม่น้อยเขียนชื่อขอวง โม ซาลาห์ ก่อนหย่อนลงหีบ ชัดเจนแล้วว่าเขาทรงอิทธิพลมากแค่ไหน
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเจอการปฏิบัติอย่างว่า เขาก็ย่อมเสียความรู้สึกได้ที่ถูกมองข้าม เพียงแต่มันไม่น่าจะต้องเอามาพูดออกสื่อ
บทความที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่ เดอะค็อป กลัวมากที่สุด
แล้วหากย้อนกลับไปยังการให้สัมภาษณ์กับเดียริโอ อาส มีประโยคที่ ซาลาห์ ชื่นชมเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่าด้วย
ชื่นชมว่าเป็นทีมชั้นนำยิ่งใหญ่ยังไม่เท่าไร ยังกล่าวไว้ในทำนองว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนอีกด้วย
เรื่องในอดีตดังกล่าว ทำให้ต้องมองย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน พร้อมกับความค้างคาใจ ตกลงแล้ว ซาลาห์ มีใจให้สโมสรมากน้อยแค่ไหนกัน
นั่นนำไปโยงเรื่องต่อสัญญา เพราะมีข้อเสนอมหาศาลมาวางเอาไว้บนโต๊ะเจรจา รายได้งดงามขนาดนั้น คงไม่อยากปฏิเสธหรอก
แล้วอย่าลืมว่ามาดริดกับบาร์ซ่า คงไม่กล้าดีเดือดทุ่มบ้าเลือดขนาดนั้น จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาและสภาพเศรษฐกิจที่ทรุดอย่างหนัก ทำให้ต้องระมัดระวังตัวอย่างมากในเรื่องการใช้เงิน
ยิ่งบาร์เซโลน่าที่โดนกฎการเงินของลาลีกาตามเล่นงาน จึงยากนักที่จะกล้าดึง ซาลาห์ ด้วยการใช้ค่าจ้างยั่วยวน
ส่วนทีมอื่นก็ไม่น่ามีความพร้อมนัก บาเยิร์นก็พุ่งเป้าไปที่ มาเน่ อย่างชัดเจนเรียบร้อย ไม่ได้มาตอแยกับ ซาลาห์
สำหรับการย้ายสู่ทีมพรีเมียร์ลีกด้วยกัน คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เขาคงไม่คิดสั้นหรอกน่า
แต่การต่อสัญญาออกไป ก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะรักสโมสร มอบความซื่อสัตย์ภักดีให้อย่างเต็มที่ มันย่อมมีเงื่อนไขอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย
ถึงตรงนี้เดอะ ค็อปไม่น้อย ยิ่งคาใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้ในความรู้สึกข้างใน ไม่อยากมองอะไรที่มันดูเป็นแง่ลบก็ตาม
ตกลง ซาลาห์ รักสโมสรมากพอ เหมือนกับที่แฟนบอลลิเวอร์พูลรักและเทิดทูนเขาหรือเปล่า
พอฟังแล้วมันก็ต้องย้อนกลับมาคิดได้เหมือนกัน