หลังจบเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ที่เอติฮัต สเตเดี้ยมเมื่อวันอาทิตย์ มีสัญญาณเตือนไม่ดีบางอย่างพุ่งตรงมายัง แฮร์รี่ แม็กไกวร์
ก่อนครึ่งแรกจบไม่นานนัก ราฟาแอล วาราน เกิดบาดเจ็บข้อเท้าซ้าย โดนบอลอัดเข้าเต็มๆแล้วน่าจะแพลง ฝืนเล่นต่อไม่ไหว ออกอาการเดินกระย่องกระแย่ง ลงน้ำหนักได้แบบไม่เต็มร้อย
พอเห็นอย่างนี้แฟนแมนฯยูไนเต็ด ต่างก็เชื่อกันว่าโอกาสสูงมากที่ แม็กไกวร์ จะถูกส่งลงมาแทน อย่างน้อยเขาก็คือกัปตันทีม ย่อมได้รับเลือกก่อน
แม็กไกวร์ ถูกเมิน จาก เทน ฮาก
อย่างไรก็ตาม เอริก เทนฮาก ทำในสิ่งที่ผิดคาด เมื่อจัดการเลือก วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ประจำการคู่กับ ลิซานโดร มาร์ตีเนซ
กล้องทีวีจับไปยังข้างสนาม หน้าตาของ แม็กไกวร์ บ่งบอกความผิดหวังมากๆ นี่เขาตกไปเป็นเซ็นเตอร์แบ็กตัวเลือกลำดับที่ 4 แล้วหรือ
ทั้งที่ตัวเองเป็นกัปตันทีม เป็นแกนหลักทีมชาติอังกฤษ รับใช้ชาติเมื่อไรได้รับความไว้วางใจจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่เคยขาดหาย แต่กลับสโมสรแล้วแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
แล้วการเผชิญหน้ากับแมนฯซิตี้ คือดาร์บี้แมตช์ ฟ้องอยู่แล้วว่ามีความสำคัญมากๆ แต่คุณต้องนั่งจับเจ่าข้างสนาม ไม่ได้รับโอกาส ทุกอย่างมันฟ้องชัดเจน โดยไม่ต้องมีใครพูดออกมาเลย
ผลงานสุดห่วย กับทีมชาติอังกฤษ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม เทนฮาก ถึงมองข้าม แม็กไกวร์ อาจเป็นเอฟเฟ็คต์มาจากผลงานในทีมชาติอังกฤษล่าสุด ทำพลาดสองช็อตเสียสองประตูนัดเสมอเยอรมันดุเดือด 3-3 จนโดนสื่อและแฟนบอลถล่มอย่างหนัก
เทนฮาก อาจหวั่นเกรงว่า แม็กไกวร์ จะขาดความเชื่อมั่น ถ้าขืนส่งลงไปอีก คราวนี้ทำพลาดขึ้นมาซ้ำรอย น่าจะโดนอ่วมอรทัยแน่ๆ เพราะสายตาทุกคู่จ้องจับอยู่ไม่กระพริบ จากเหล่าสาวกเดนตายของ แมนฯ ยูไนเต็ด
แม็กไกวร์ สาย คอนเทนท์
ในโลกโซเชี่ยลเรียกต่างเรียก แม็กไกวร์ ว่าเป็นตัวสร้างคอนเทนท์ ฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรย่อมถูกเพ่งเล็งเสมอ การนั่งเป็นสำรองแบบไม่ได้ใช้งาน อาจเป็นทางออกดีสุด
อย่างไรก็ดีในมุมของ แม็กไกวร์ ไม่น่าจะคิดอย่างนั้น เขาต้องการลงเล่นในสโมสรให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่ามีค่ากว่าที่คิดไว้ รวมทั้งกลบกระแสที่เป็นเหมือนพวกตัวตลกอีกด้วย
อาการบาดเจ็บของ ราฟาเอล วาราน เป็นอย่างไร
ขณะเดียวกันมีรายงานเพิ่มเติมมาว่า อาการบาดเจ็บของ วาราน ไม่น่าห่วงอะไรนัก กระดูกไม่แตกหัก เอ็นข้อเท้าปกติไม่มีฉีกขาด ดูแล้วพักสัก 1-2 วีกก็น่าจะหวนคืนสังเวียน
ถ้าเป็นอย่างนี้หมายความว่า โอกาสของ แม็กไกวร์ ที่จะได้ลงเล่นก็ริบหรี่เข้าไปอีก หลังจากที่หล่นไปเป็นเซ็นเตอร์แบ็กตัวเลือกที่ 4 เรียบร้อย
อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป กับ แมนยู ใน พรีเมียร์ ลีก
ไม่นานมานี้ พอล เมอร์สัน อดีตกองหน้าอาร์เซน่อล แสดงความเห็นในฐานะผู้สันทัดกรณีไว้แบบชวนคิด
ในสถานการณ์อันยากลำบากที่ แม็กไกวร์ กำลังสู้รบปรบมืออยู่ มันยากมากๆสำหรับการจะเรียกศรัทธากลับมาอีก แทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย
เมื่อประเมินแล้วว่าเปอร์เซ็นแทบจะเป็นศูนย์ ทางเลือกดีสุดก็คือการย้ายทีมเท่านั้นเอง ไม่มีชอยส์ไหนดีกว่าอีกแล้ว
นอกจากนี้มีนาคมปีหน้าเขาจะอายุครบ 30 ปี เวลาสำหรับการยืนอยู่บนเส้นทาง เหลือไม่มากเท่าไรแล้ว อาจต้องรีบตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร เพราะถ้าดึงดันอยู่ต่อ ก็ต้องยอมรับชะตากรรมให้ได้ด้วย
บทความก่อนเกม ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่มอี, เอฟ, จี เชลซี (อังกฤษ) พบ เอซี มิลาน (อิตาลี) เรอัล มาดริด (สเปน) พบ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน) แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) พบ โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก)
หากเลือกย้ายไปทีมอื่นจริง ก็ต้องทบทวนในตลาดเดือนมกราคมทันที ซึ่งจะเปิดทำการอีกรอบ รอฟังข้อเสนอที่มีเข้ามา แล้วเดินไปคุยกับ เทนฮาก เอาให้เคลียร์ว่าต้องการไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
การเซ็นย้ายแบบถาวรหรือขายขาดเลย มันอาจมีเงื่อนไขลำบาก ฉะนั้นถ้ามีโอกาสโยกแบบยืมตัวสักครึ่งหลังของซีซั่น ใน พรีเมียร์ ก็ถือว่าไม่เลวร้ายอะไรหรอก
ยังมีสโมสรใน พรีเมียร์-ลีก อยู่บ้างต้องการเซ็นเตอร์แบ็กที่มีประสบการณ์ เลสเตอร์อดีตต้นสังกัดก็น่าจะยินดีผายมือต้อนรับ รวมทั้งทีมระดับกลางก็คงให้ความสนใจเช่นกัน
สาภพจิตใจ ต้องได้รับการแก้ไข่ ด่วน!!
ส่วน แม็กไกวร์ เองก็ต้องรีบลุกขึ้นด้วย ปรับสภาพจิตใจให้เร็วที่สุด อย่าไปจมกับความรู้สึกแย่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วมันย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ให้แก้ไขสิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคต นั่นแหล่ะคือสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะว่ากันตามตรง แม้เขาจะตกเป็นเหมือนจำเลยสังคมในเวลานี้ แต่หากพูดถึงให้มันแฟร์สักหน่อย ฤดูกาล 2020/21 ก็ช่วยทีมไว้มากพอสมควร ยกระดับเป็นขุนพลคนสำคัญที่ขาดไม่ได้
นัดชิงยูฟ่า ยูโรปา ลีกกับบียาร์เรอัลที่แมนฯยูไนเต็ด หรือ แมนยู หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพ่ายในการดวลจุดโทษ แม็กไกวร์ บาดเจ็บพอดีไม่มีชื่อโม่แข้ง แฟนผีไม่น้อยต่างโหยหาอยากเห็นกัปตันฟื้นกลับมาประจำการทัน
อาจจะดูไม่แฟร์กับหัวแตงโม
เอาแบบแฟร์ๆ เขาไม่ได้ห่วยแตกถึงขั้นต้องรุมถล่มกันขนาดนี้ แต่อย่างว่าในอีกด้าน สิ่งที่ทำมันเข้าตามากๆ หยิบจับอะไรก็ดูพลาดไปหมด อีกทั้งค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ขึ้นแท่นกองหลังแพงสุดในโลก กลายเป็นชนักที่ปักเข้ากลางหลังด้วย
นอกจากนี้การที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้อย่างรวดเร็ว ทั้งที่นักเตะเพิ่งย้ายมาแค่ครึ่งปี มันก็ดูขัดอกขัดใจ เพราะเขาขาดคุณสมบัติบางข้อของการเป็นผู้นำ
ความกดดันที่ถาโถม
แม็กไกวร์ ไม่ค่อยพูดเวลาอยู่ในสนาม ไหวพริบก็ไม่ดีสักเท่าไร ยิ่งมีปลอกกัปตันรัดที่ต้นแขน มันก็เหมือนโยนความกดดันให้ไปแบกไว้อีก
เมื่อเริ่มต้นแบบผิดฝาผิดตัว บิดเบี้ยวไปจากความจริง ทั้งเรื่องค่าตัวและการเป็นกัปตัน เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ยิ่งไม่มี โซลชา คอยปกป้องอุ้มชูด้วยแล้ว อะไรต่อมิะอะไรมันก็แย่ไปกว่าเดิม เหมือนเมื่อก่อนเคยมีเจ้านายคอยช่วยปกปิดความย่ำแย่ให้
เข้าใจว่านี่อาจเป็นสถานการณ์เลวร้ายสุดตั้งแต่ค้าแข้งมาเลย แต่ถ้าคุณมัวแต่คร่ำครวญฟูมฟาย ก็อย่าหวังเลยว่าจะกลับมาได้เหมือนเดิมอีก
อย่างน้อยมองมุมบวก แม็กไกวร์ ก็ยังมีโอกาสที่จะเลือกอนาคตให้ตัวเองได้ ไม่ใช่ต้องถูกคนอื่นกำหนดชะตาเสมอไป
ย้ายได้ย้ายเลย อย่ามัวรีรอให้เสียเวลาอีก