เมื่อ เปเเอสเช มีแววแพแตกแข้งดังเผ่นหนี

หลังฟุตบอลโลก 2022 ปิดฉากไม่นาน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (เปแอสเช) แสดงความตั้งใจจริงอยากจะขยายสัญญา ลิโอเนล เมสซี่ ออกไปอีก

เพราะสัญญาฉบับปัจจุบันจะหมดลงในซัมเมอร์ 2023 เหลือเวลาไม่มากแล้วที่จะเจรจากัน

ประกอบกับฟอร์มของกัปตันอาร์เจนไตน์ร้อนแรงเหลือเกินในเวิลด์ คัพ กวาดเรียบแทบทุกอย่าง เป็นการตอกย้ำว่ายังคงมีพิษสงเหมือนเดิม แทบไม่ได้ด้อยศักยภาพสวนทางอายุที่มากขึ้น

นาสเซอร์ อัล-เตไลฟี่ ผู้บริหารขาใหญ่เปแอสเช ยืนยันเองว่าการพูดคุยกันเต็มไปด้วยความราบรื่น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สโมสรยังให้ความสำคัญต่อนักเตะไม่เปลี่ยนแปลง

หลายคนเลยเชื่อว่า เมสซี่ น่าจะอยู่ที่ปารีสต่อไป อย่างน้อยก็อีกสัก 1 ปี จากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที

เพราะหลังจบภารกิจกับทีมชาติอาร์เจนตินา ที่คิดว่าน่าจะสมบูรณ์แบบได้เรียบร้อย ความท้าทายสุดท้ายจริงๆ คือการนำเปแอสเชครองเจ้ายุโรปให้ได้ พิธีรีไทร์จึงจะไร้มนทินหรือข้อกังขาอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามนั่นน่าจะเป็นความเข้าใจของทางฝั่งเปแอสเชเองมากกว่า ไม่น่าจะใช่ความต้องการของ เมสซี่ เองหรอก ไม่อย่างนั้นคงมีความคืบหน้าเรื่องสัญญาใหม่แล้ว

แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีแนวโน้มดังกล่าวเลย สัญญาณยังเงียบกริบ แถมยังมีทิศทางที่ไม่ค่อยดีอีกต่างหาก

ก่อนหน้านี้มีสื่อหลายสำนักนำเสนอว่า เมสซี่ อาจตัดสินใจไม่ต่อสัญญา แล้วหาสโมสรใหม่ลงเล่นในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ

ประเด็นน่าจะมาจากไม่ค่อยแฮปปี้กับสถานการณ์ภายในทีมเท่าไรนัก เจอบรรยากาศที่น่าอึดอัดพอสมควรเลย

เชื่อกันว่าความสัมพันธ์ของเขากับนักเตะบางคนภายใน มันไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไร กินแหนงแคลงใจกันอยู่ จนรู้สึกว่าไม่อยากจะอยู่อีกแล้ว

ขณะเดียวกันอิทธิพลภายในทีม ก็ไม่เหมือนช่วงเป็นใหญ่ในบาร์เซโลน่า มีความแตกต่างกันเยอะเลย เขาควรได้เป็นเบอร์หนึ่งเหมือนสมัยก่อน แต่ที่นี่กลับไม่ใช่ แม้จะได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารก็ตาม

ต้องไม่ลืมว่า เมสซี่ จะเป็นเบอร์หนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะฟรีคิก จะยิงหรือเปิดล้วนแต่เหมาทั้งสิ้น จุดโทษก็เช่นเดียวกัน เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ทั้งยูนิฟอร์มสโมสรและทีมชาติ

แต่เมื่อมาที่นี่ เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย เพราะมีเจ้าของสัมปทานเดิมทั้ง เนย์มาร์ น้องรักและ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ครอบครองอยู่แล้ว

แถมบางครั้งยังมีเหตุการณ์ คู่นี้แย่งชิงกันเองอีก รวมทั้งยังเกิดความผิดพลาดให้เห็นเรื่อยๆ

ความอึดอัดภายใน เปเเอสเช ทำให้เมสซี่ อาจไม่ต่อสัญญา

ในขณะเดียวกันมีการตั้งข้อสังเกตกันเองว่า เมสซี่ อาจโอเคกับ เนย์มาร์ ซึ่งคุ้นเคยกันตั้งแต่อยู่บาร์เซโลน่า แต่กับอีกขาใหญ่อย่าง เอ็มบั๊ปเป้ ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

ต่อให้ทั้งสองคนยึดวิถีความเป็นมืออาชีพ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมหรือลงสนามจริง แต่ระยะห่างในความสัมพันธ์ มันก็น่าจะช่วยเพิ่มความตึงเครียดอย่างที่บอกไว้

ล่าสุดฟุต แมร์กาโต้สื่อดังแดนน้ำหอม ออกมาขยี้ประเด็นนี้เพิ่มอีก โดยอ้างข้อมูลวงในว่า เมสซี่ มีแนวโน้มไม่ขยายสัญญาสูงมากๆ เนื่องจากเบื่อปัญหาภายในทีม ที่มีอยู่หลายเรื่อง

ดูเหมือนว่า หลุยส์ กัมโปส ซึ่งมีตำแหน่งเหมือนผู้อำนวยการกีฬาและ คริสโตฟ กัลทิเย่ร์ กุนซือคนปัจจุบัน จะไม่สามารถจัดระเบียบผู้เล่นได้อย่างที่ควรจะเป็น

ความแตกแยกที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีข่าวในทำนองนี้มาตลอด น่าจะพอมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า สถานการณ์ภายในมันคุกรุ่นจริง คงไม่ใช่แค่ข่าวลือธรรมดาแล้ว

อย่างล่าสุด เมสซี่ กับ เอ็มบั๊ปเป้ ซึ่งบาดเจ็บทั้งคู่ ไม่สามารถลงเล่นเกมลีกเอิง ซึ่งโดนโมนาโกทุบดิ้น 3-1 มีปมปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น จนฉาวโฉ่ขึ้นมาภายในจนได้

เนย์มาร์ ซึ่งต้องบอกภาระแนวรุกคนเดียว ไม่พอใจเพื่อนร่วมทีมบางราย ซึ่งคาดว่าจะเป็น วิตินญ่า กับ อูโก้ เอกิติเก้ จนเกิดการตำหนิกันในห้องแต่งตัว บรรบากาศจึงมาคุอย่างมาก

เพราะเพื่อนร่วมทีมหลายคน ก็ไม่ค่อยแฮปปี้กับ เนย์มาร์ เช่นเดียวกัน ไม่ค่อยได้ช่วยทีมอย่างที่ควรจะเป็นและหลายครั้งแสดงความไม่พอใจอย่างออกหน้า ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรทำ

ทีนี้ลองนึกภาพตามว่า เมสซี่ เองก็คงจะเอือมเลยทีเดียว จึงไม่คิดเรื่องการอยู่ต่อกับปารีส แซงต์ แชร์กแมงอีกแล้ว ขอเลือกอนาคตใหม่คงจะดีกว่า

อีกด้าน เนย์มาร์ ที่บทบาทลดลง ไม่ได้เป็นลูกรักของท่านประธานเหมือนอย่างเคย ก็เตรียมโบกมือลาด้วยเช่นเดียวกัน

สิ่งที่น่าสนใจและต้องจับตาดูต่อไปคือ ความสำเร็จของเปแอสเชในฤดูกาลนี้ ว่าจะเป็นไปตามเป้ามากแค่ไหน หากล้มเหลวผิดไปจากแผน นั่นหมายถึงทีมอาจแตกเอาได้

พวกดาวดังคงจะกระจายย้ายออกหลายคน ซึ่งนั่นรวมถึง เนย์มาร์ กับ เมสซี่ ตามที่บอกไว้แล้วนั่นแหล่ะ

นอกจากนี้อนาคต เอ็มบั๊ปเป้ ก็ยังคงต้องมองห้ามกระพริบ สัญญาเหลือถึงปี 2025 ไม่ได้เยอะอะไรเลยและนักเตะอาจตัดสินใจย้ายหนีเลย หากมีทีมสู้ค่าตัว

การมีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อยู่ในทีม มันดึงดูดความน่าสนใจจากแฟนบอลได้เสมอ แต่มันก็ยากมากที่จะควบคุมให้ได้ตามต้องการ เพราะนี่คือโลกความจริง ไม่ใช่เล่นการเล่นเกมส์สนุกสนาน

ปารีส แซงต์ แชร์กแมงกำลังจะกลายเป็นบทเรียน ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเลยจริงๆ