จากแมงสี่หูห้าตาสู่ เทพแห่งโชคลาภ เงินทอง เรื่องเล่าพื้นเมืองในแต่ละท้องถิ่นนั้น มีหลากหลาย บ้างก็เป็นเรื่องที่เล่ากันมาเพื่อความบันเทิง บ้างก็สอดแทรกเรื่องของคุณธรรมความดี แต่ที่ดินแดนล้านนานั้นมีอยู่เรื่องหนึ่งที่สอดแทรกทั้งในเรื่องของธรรมะ การทำความดี และความบันเทิง รวมไปถึงความเชื่อที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเอาไว้ด้วยกัน
เรื่องที่ว่านั้นก็คือ แมงสี่หูห้าตา ชาวบ้านนามักจะเรียกแมลงตัวเล็กๆ ว่า “แมง” และเรียกสัตว์ที่ไม่เคยรู้จักว่าเป็นตัวอะไรว่า “แมง”เช่นกัน แมงสี่หูห้าตานี้ก็น่าจะเข้าเกณฑ์ที่ว่า เพราะมีหูสี่หู ตาห้าตา
เรื่องเล่า ของเทพแห่งโชคลาภ ของชาวล้านนา
สัตว์ประหลาดที่ว่านี้มาจากนิทานพื้นบ้าน ภาษาคำเมืองเรียกว่า “เจี้ย” เรื่องนี้เริ่มต้นมีอยู่ว่า มีเมืองแห่งหนึ่งชื่อ พันธุมติ มีท้าวพันธุมติ ครองเมืองอยู่ มีมเหสีถึง 7 คน
อีกด้านหนึ่งของเมืองพันธุมติ ก็มีครอบครัวฐานะยากจนอยู่ครอบครัวหนึ่ง อยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก อยู่มาไม่นาน แม่ก็ตาย เหลือแต่ผู้เป็นพ่อ ที่อบรมเลี้ยงดูให้เป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม ได้ไม่นานหลังจากนั้น พ่อก็ตาย แต่ก่อนตาย ผู้เป็นพ่อได้สั่งเสียไว้ว่า ให้เอาศพฝังไว้ใกล้ๆ กระท่อม เมื่อหัวหลุดออกมาแล้ว ก็ให้เอากะโหลกพ่อไปกราบไหว้บูชา จนเมื่อเจ้าลูกชายอายุได้ครบ 16 ปี ก็ให้เอาเชือกผูกกะโหลกของพ่อ ลากขึ้นเขาไปทางเมืองพันธุมติ และเมื่อลากไปติดอยู่ตรงจุดไหน ก็ให้เอาเชือกไปทำเป็นบ่วงดักสัตว์
พอเด็กชายโตเป็นหนุ่มอายุ 16 ปี ก็ทำตามที่พ่อสั่งเสียเอาไว้ เมื่อลากกะโหลกของพ่อไปบนเขาถึงหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง กะโหลกก็ไปติดอยู่ตรงหน้าถ้ำ เจ้าหนุ่มผู้นี้ก็ทำตามที่พ่อสั่งเอาไว้ วางบ่วงดักสัตว์ไว้ที่หน้าถ้ำแล้วก็กลับที่พัก รุ่งเช้ามาดูก็เจอกับตัวประหลาด มีสี่หูห้าตา ขนยาวสีดำคล้ายหมี ติดอยู่ที่บ่วง
ก็เลยเอาเถาวัลย์ผูกเอากลับมาบ้าน ล้อมคอกเอาไว้ (ไม่เอามาฆ่ากิน น่าจะเป็นเพราะพ่อไม่ได้สั่งเอาไว้) พอเอามาก็หาใบไม้ใบหญ้ามาให้กิน เจ้าแมงสี่หูห้าตา ก็ไม่กิน พอตกค่ำอากาศหนาว เจ้าหนุ่มคนนี้ก็ก่อไฟไล่ความหนาว บังเอิญถ่านไฟ กระเด็นไปใกล้เจ้าแมงสี่หูห้าตา เข้า แทนที่จะกลัว เจ้าแมงประหลาดตัวนี้กลับจับถ่านแดงใส่ปากกินเฉย เจ้าหนุ่มคนนี้ก็เลยคิดว่า แมงประหลาดน่าจะชอบกินถ่านไฟ ก็เลยหาฟืนมาเผาเป็นถ่านแดงๆ ให้กินเพิ่มอีก
พอรุ่งเช้า ปรากฏว่า แมงประหลาดตัวนี้ขับถ่ายออกมาเป็นก้อนทองคำ เจ้าหนุ่มผู้ยากจนคนนี้ก็ดีใจ รีบเก็บก้อนทองคำไปฝังดินไว้ จากนั้นก็เร่งหาฟืนมาทำถ่านไฟให้แมงสี่หูห้าตา กินเข้าไปอีก เช้ามาก็เก็บก้อนทองคำทุกวันเอาไปฝังไว้จนเต็มไปหมด
ฝ่ายเจ้าเมืองพันธุมติ ที่มีเหสี 7 คน แต่กลับมีลูกสาวแสนสวยอยู่ 1 คน เป็นที่เลื่องลือในความงดงาม เจ้าเมืองสารพัดเมืองสนใจ ก็แต่งเครื่องบรรณาการมาให้ เพื่อจะขอลูกสาวท้าวพันธุมติ ไปเป็นมเหสี จนท้าวพันธุมติ อึดอัดใจ เพราะระดับเจ้าเมืองทั้งนั้น แต่สุดท้ายก็หาทางออกจนได้ ด้วยการประกาศว่า ไม่ว่าใครที่รางรินคำ (รางน้ำทองคำ) ทอดจากบ้านเมืองของตนมาจนถึงเวียงวังของลูกสาวได้ ก็จะยกลูกสาวให้คนนั้น
เป็นเจ้าเมืองก็จริง แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของเหมืองทอง บรรดาเจ้าเมืองที่อยากได้ลูกสาวของท้าวพันธุมติ ไปเป็นมเหสี ก็พากันถอยกรูด
เรื่องนี้รู้ไปถึงหูเจ้าหนุ่มผู้ยากไร้ ก็ฝากให้ญาติที่ตนได้อาศัยชายคาหลับนอนอยู่นั้นให้ช่วยไปแจ้งข่าวให้เจ้าเมือง แต่ญาติก็ได้แต่ปลอบปะโลมให้ทำใจ แต่เหมือนโชคชะตากำหนด สุดท้ายเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้คนมาสร้างรางรินคำจากบ้านไปจนถึงวังของลูกสาวท้าวพันธุมติ เมื่อเจ้าเมืองรู้เข้าก็ให้คนไปตามดู ก็พบว่าเป็นของเจ้าหนุ่มผู้ยากไร้ แต่เมื่อได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้ว ก็ต้องจัดงานแต่งให้เจ้าหนุ่มคนนี้กับลูกสาว
ครั้นเมื่อได้ลูกเขยแล้ว ก็ถามไถ่ว่า ไปเอาทองคำมาจากไหนมากมายขนาดนี้ เจ้าหนุ่มคนนี้ ก็พาซื่อ รวมทั้งเป็นคนมีศีลมีธรรมไม่พูดจามดเท็จ ก็เลยบอกพ่อตาไปหมด ตั้งแต่มีทองยังฝังอยู่ในดิน และมีแมงสี่หูห้าตา ที่ยังผลิตทองคำได้ทุกวันอยู่ที่บ้าน พอล้วงความลับได้แล้ว เจ้าเมืองพันธุมติ ก็สั่งเสนาอำมาตย์ ไปขนเอาทองคำที่เหลือมาไว้ในวัง พร้อมกับให้จับเอาแมงสี่หูห้าตากลับมาด้วย
เมื่อแมงสี่หูห้าตาถูกพาเข้าเมืองก็เกิดความตื่นกลัวเพราะผู้คนก็แตกตื่นไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาด ก็วิ่งหนี เจ้าเมืองก็ให้คนตามไปจับกลับมาจนได้ แต่พอเข้าเมืองมาก็วิ่งหนีอีก คราวนี้ เข้าเมืองพันธุมติ วิ่งตามแมงประหลาดไปด้วยตนเอง ไล่กวดไปจนถึงถ้ำที่แมงสี่หูห้าตา เคยอยู่ เจ้าเมืองก็วิ่งตามเข้าไปโดยเหล่าเสนาอำมาตย์ตามมาไม่ทัน
ปรากฏว่าหินหน้าถ้ำเกิดถล่มปิดปากทาง จนเจ้าเมืองพันธุมติ ออกมาไม่ได้ เหลือเพียงรูเล็กๆ พอให้ท้าวพันธุมติ มองลอดออกมาได้ เมื่อติดในถ้ำได้ระยะหนึ่ง เจ้าเมืองพันธุมติ ก็คิดได้ว่า ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะความโลภ จากนั้นก็คิดถึงมเหสีทั้ง 7 ก็เลยตะโกนบอกเสนาอำมาตย์ให้ไปตามมเหสีมาหน่อย เพราะอาจต้องติดอยู่ในถ้ำจนตาย
เมื่อมเหสีมา เจ้าเมืองก็ขอให้ถกผ้าซิ่นให้เจ้าเมืองดูเป็นครั้งสุดท้าย แต่ปรากฏว่า มเหสีคนที่ 1-6 ไม่ยอมถกผ้าซิ่นให้เข้าเมืองดู จนเมื่อถึงมเหสีคนที่ 7 ถึงได้ยอมถกผ้าซิ่นให้เจ้าเมืองดู หินที่ปิดหน้าถ้ำก็ขำหัวเราะเสียงดังสนั่น จนหินพังทลายลงมา เปิดทางให้เจ้าเมืองออกมาได้ (ตรงนี้เล่ากันติดตลกว่า นี่แหละที่เป็นเหตุให้ผู้ชายเอาอกเอาใจเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง)
เมื่อรอดตายหลับมาได้ ท้าวพันธุมติ ก็ยกตำแหน่งเจ้าเมืองให้ลูกเขย เมื่อได้ตำแหน่งแล้วลูกเขย ก็ปกครองบ้านเมืองให้ผู้คนอยู่ในศีลในธรรม
เรื่องนี้ ท่านผู้รู้ด้านศาสนาเอามาผูกโยงว่า แมงสี่หู ห้าตานั้น เป็นปริศนาธรรมหมายถึง พรหมวิหาร 4 และศีล 5 ที่ผู้คนพึงปฏิบัติ เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข สงบ ความเจริญ
บทความที่เกี่ยวข้อง 7 วัดใหญ่ ไหว้พระเสริมดวง ให้ปังตลอดทั้งปี 2566
แต่สำหรับผู้คนที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องรางของขลัง และปาฏิหาริย์นั้น ก็เชื่อว่า แมงสี่หู ห้าตา นั้นคือพระอินทร์แปลงมาช่วยเหลือมนุษย์ ยิ่งมีมูลที่ขับถ่ายออกมาเป็นทองคำ ก็ทำให้เชื่อว่า หากนำถ่านไม้ไปกราบไหว้บูชาแล้ว ก็จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ค้าขาย รวมทั้งเรื่องโชคลาภ แมงสี่หู ห้าตา จึงมีอยู่ตามวัดต่างๆ ในจังหวัดภาคเหนือ และไม่ได้เรียกว่า “แมง” แต่เรียกว่า “องค์” หรือไม่ก็ “พญา” เป็นคำนำหน้า
ที่เพิ่งเป็นข่าวดังไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็เป็นที่สำนักเรือนเทวะพระมุนี อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกอบพิธีสมโภช องค์สี่หู ห้าตา ในข่าวบอกด้วยว่า ไม่ใช่แค่เพียงชาวไทยเท่านั้นที่พากันหอบถ่านไม้ไปถวาย ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเชื้อสายจีน ไม่ว่าจะเป็น จีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกง รวมทั้งสิงคโปร์ ก็มาร่วมพิธีกัน ใครมาไม่ได้ก็ฝากทางออนไลน์มาก็มี จนกลายเป็นความเชื่อว่า แมงสีหูห้าตานั้น คือเทพแห่งโชคลาภ ผู้ประทานเงินทองให้แก่ผู้ที่เคารพศรัทธา