” เชลซี โฉมใหม่ไฉไลจริงหรือ? “
ปัญหาใหญ่ที่น่าจับตามองของ เชลซี ในค.ศ.นี้ คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพร้อมกันมากมายในหลายภาคส่วน
ไล่ตั้งแต่เจ้าของทีม , ผู้บริหาร , ผู้จัดการทีมละสต๊าฟฟ์ รวมถึงขุมกำลังผู้เล่นที่ไม่เหมือนเดิม โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
เมื่อทีมคุณต้องปรับโฉมกันขนาดนี้ นั่นหมายถึงผลกระทบในแง่ลบจะต้องตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย
บิ๊กเทิร์นนิ่งพอยท์ ท็อดด์ โบห์ ลี่
เพราะเจ้าของเดิมอย่าง โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ได้รับการยกย่องมาตลอด แฟนบอลเคารพนับถือ จากการที่ยอมเสียสละควักทุนส่วนตัวสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งเข้ามาเทคโอเวอร์ในปี 2003
แต่เมื่อเกิดความขัดแย้ง ปูติน จึงได้ประกาศ สงคราม กับ ยูเครน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จนกลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อบราโมวิช ต้องโดนหางเลขตามไปด้วย เจอแซงค์ชั่นจากรัฐบาลอังกฤษ ไม่อาจดำเนินธุรกิจได้อีกต่อไป จากการตัดสินใจทำสงครามนี้ของ วลาดิเมียร์ ปูติน
นั่นแหล่ะที่เป็น “บิ๊กเทิร์นนิ่งพอยท์” หรือจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งใหญ่ของสโมมสร ในรอบเกือบ 20 ปี
เจ้าของใหม่ ท็อดด์ โบห์ลี
พอเจ้าของใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ เข้ามาสานต่องงานจาก โรมัน อบราโมวิช ความกังวลก็เกิดขึ้นกับบรรดาสาวกมากมาย
จากการที่อยู่กับเจ้าของคนเก่าที่บริหารงานด้วยความตั้งใจ จนประสบความสำเร็จมากมายก่ายกอง ยังไงก็ต้องคิดหนักและอดเปรียบเทียบไม่ได้
หากว่ากันเรื่องเงินหรืองบประมาณ ไม่น่ามีปัญหาเท่าไรนัก โบห์ลี่ ร่ำรวยอยู่แล้ว เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นอื่น ซึ่งยินดีดึงทุนส่วนตัวมาใช้ก่อน
แต่วิธีการจัดการนั่นแหล่ะที่ต้องติดตามกันเลย โบห์ลี่ เข้ามาไม่เท่าไร ก็รื้อระบบและโครงสร้างเดิมไปเกือบหมด ดูเหมือนมั่นใจแนวทางของตนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว
โปรเจคต์ของบิ๊กบอสก็คือ การสร้างทีมระยะยาวยั่งยืนนำไปสู่ความเป็นเลิศ จะแตกต่างจากลักษณะเดิมอยู่พอสมควร
แนวทางบริหารของ อบราโมวิช
ในยุคสมัยของ อบราโมวิช แฟนๆพอจะรับรู้ได้ว่า การตัดสินใจจะเด็ดขาดมาก หากเห็นว่าสิ่งใดไม่เหมาะไม่ควร ก็จะรีบลงมือทันทีไม่รีรอนานเกินไป
อย่างเช่นผู้จัดการทีมคนไหน แข็งขืนดึงดัน ทำงานไม่ได้ตามเป้า เตรียมตัวเดินไปยังเครื่องประหารได้เลย โดยไม่แคร์ด้วยว่าจะต้องจ่ายเงินชดเชยมากแค่ไหน
เราจึงเห็นกุนซือเชลซีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา ส่วนมากแล้วจะเป็นพวกบิ๊กเนมอีกต่างหาก ในรอบ 10 ปี ปาเข้าไปถึง 10 คนแล้ว เรียกว่าเยอะจริงๆ สำหรับสโมสรระดับท็อปยุโรป
อบราโมวิช ให้ความสำคัญเรื่องนโยบายที่ต้องเคร่งครัด อีกทั้งควบคู่ไปกับความสำเร็จด้วย
สาเหตุการเด้ง โธมัส ทูเคิ่ล
อย่างไรก็ดี โบห์ลี่ เข้ามาพร้อมแนวทางใหม่ นั่นคือปลุกทีมขึ้นมาให้ยืนหยัดระยะยาว ไม่ต้องมาเปลี่ยนแปลงกันบ่อยๆ
นอกจากนี้ยังเน้นคนรุ่นใหม่เป็นกำลังสำคัญสำหรับภารกิจใหญ่นี้ด้วย นั่นรวมถึงผู้จัดการทีมและนักเตะเช่นกัน
เมื่อ โธมัส ทูเคิ่ล ฉายให้เห็นแววกระด้างกระเดื่อง โดยเฉพาะวิจารณ์การทำงานของฝ่ายบริหารผ่านสื่อ
เน้นย้ำเรื่องความล่าช้าในการซื้อผู้เล่น กว่าจะได้มาแต่ละคนยากลำบากและเดดไลน์ก็จ่อคอหอยมาทุกที
ดังนั้นบอร์ดเลยไม่คิดจะต้องเก็บไว้ใช้งาน ต่อให้พาทีมคว้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อปีที่แล้ว
รวมถึงกวาดมาหมดทั้ง ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพและ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ไม่นับเข้าชิงเอฟเอคัพ 2 สมัย ติดต่อกัน ก็ไม่ได้แคร์เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
แมนยู กับ แม็กไกวร์ ต้องแยกย้ายแล้ว ?? เซ่นผลงานห่วย
แต่งตั้ง กุนซือเลือดใหม่ แกรม พ็อตเตอร์
การแต่งตั้ง แกรม พ็อตเตอร์ มากุมบังเหียนแทน ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ย่อมเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า โบห์ลี่ ที่มาแทน เสี่ยหมี โรมัน กำลังเดินเครื่องตามนโยบายที่วางไว้
พ็อตเตอร์ คือกุนซือรุ่นใหม่ มีภาพลักษณ์ของหนุ่มใหญ่ไฟแรง พิสูจน์มาแล้วด้วยผลงานการทำทีมแบบสเต็ปบายสเต็ป ผ่านงานมาเป็นขั้นตอน ไม่ได้ขึ้นลิฟต์เรียนลัด
ในขณะเดียวกันก็เน้นเพรสซิ่ง ต่อบอลเท้าสู่เท้า วางรากฐานไว้ให้ไบรท์ตันจนแข็งแกร่ง นี่แหล่ะที่ โบห์ลี่ ต้องการ
ข่าวจากแหล่งวงในเคยเล่าว่า ตอนเจรจากับ มาร์ค กูกูเรย่า แบ็กซ้ายจอมบุก โบห์ลี่ ถามถึง พ็อตเตอร์ ไม่ได้ขาดปากเลย
ทั้งที่เมื่อเชือด ทูเคิ่ล พ้นตำแหน่งแล้ว จะมีกุนซือบิ๊กเนมอย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ไว้เป็นชอยส์ที่น่าสนใจ แต่กลับมองข้ามาหา พ็อตเตอร์ เลย
เปลี่ยนขุมกำลังของทีม
นอกจากนี้ โบห์ลี่ ก็พร้อมผ่องถ่ายผู้เล่นอายุมากออกไปเช่นกัน เป็นการผ่าตัดขุมกำลังที่อยากจะใช้กลุ่มฉกรรรจ์ ซึ่งเต็มไปด้วยความกระหาย พร้อมถลกแขนเสื้อลุยไปกับเจ้านายคนใหม่
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสัญญาใหม่ของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ถึงไม่คืบหน้า ทั้งที่ฉบับปัจจุบันจะหมดลงในซัมเมอร์ 2023 เหลือไม่ถึงปีแล้ว
แน่นอนว่ากองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ตั้งเงื่อนไขไว้สูงลิบ สัญญายาวอีก 4 ปี โดยอ้างว่า คาลิดู คูลิบาลี่ ในวัย 31 ก็ได้เท่าเทียมกัน
นั่นยังมีค่าจ้างในเรตไม่ต่างจากเดิมหรือเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งต้องเหยียบ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์แน่ๆ
เช่นเดียวกับ จอร์จินโญ่ มิดฟิลด์รุ่นใหญ่ ซึ่งสัญญาจะหมดกลางปีหน้า ถึงตอนนี้ก็ยังเจรจากันอยู่ แนวโน้มจะยอมเสียฟรีมีไม่น้อยเลย
โบห์ลี่ ไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงกับผู้เล่นอายุทะลุ 30 ซึ่งถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับไฟที่มอดแล้วหรือยัง
เพราะไม่ว่าจะ ก็องเต้ หรือ จอร์จินโญ่ ต่างประสบความสำเร็จมามากมาย ทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ น่าคิดเหลือเกินว่ายังกระหายมากพอสำหรับเก็บเกี่ยวเกียรติยศแค่ไหนกั
รอให้ผลงานในสนามเป็นเครื่องพิสูจน์
ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องมีเดิมพันอยู่แล้ว เชลซีในยุคเจ้าของคนเดิม ทำผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม ครองใจแฟนบอลทั้งโลก เมื่อเจ้าของใหม่เข้ามา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกดดัน
ยิ่งปรับใหม่หมดหัวจดเท้าอย่างที่บอกไว้ หากผลงานออกมาไม่ทัดเทียมของเดิม มันก็เป็นไปได้ว่าจะเกิดกระแสต่อต้านขึ้น
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่ายังเร็วเกินกว่ามาสรุปกัน ต้องให้เวลา โบห์ลี่ ทำงานเพื่อพิสูจน์ว่าความเชื่อมั่นและการเปลี่ยนแปลงของเขามาถูกทางแล้ว
ผลงานในสนามจะเป็นตัวชี้วัดหลักเลย ถ้าไม่เปรี้ยงปร้างอย่างยุคสมัย อบราโมวิช ก็จงเตรียมตัวต้อนรับปัญหากันได้
