ตอนนี้แฟนบอลแอสตัน วิลล่า เริ่มกังขากันมากขึ้นแล้วว่า ตกลงแล้ว สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือผู้จัดการทีมที่ใช่หรือเปล่า?
หลังจากเข้ามาคุมวิลล่าต่อจาก ดีน สมิธ ซึ่งถูกเขี่ยตกเก้าอี้ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อปีที่แล้ว สร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อยเลย มาพร้อมเสียงวิจารณ์ด้านบวก เพราะเป็นกุนซือรุ่นใหม่วัยละอ่อนอีกด้วย
ผู้บริหารของแอสตัน วิลล่า ยอมยื่นสัญญา 3 ปีครึ่งให้เลย ซึ่งถือว่านานพอสมควร รวมทั้งจ่ายค่าเชดเชยให้กลาสโกว์ เรนเจอร์สเป็นมูลค่า 4 ล้านปอนด์ แสดงให้รู้เลยว่าต้องการได้ตัวจริงๆ
เจอร์ราร์ด ประเดิมสวยงาม พาสิงห์ผยองล้มไบรท์ตันนิ่มๆ 2-0 ก่อนจะมีเสียหลักบ้าง ผลงานไม่สม่ำเสมอมากเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ถึงขนาดวุ่นวายทำแฟนเสียวโค้งสุดท้าย เอาตัวรอดแบบชิลด์ๆจบอันดับ 14 อาจยังไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไร
แต่ก็ต้องให้เวลา เจอร์ราร์ดได้ปรับตัวกันบ้าง พรีเมียร์ลีกไม่ต่างจากด่านอรหันต์ที่แข็งแกร่งสุดแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคนประสบความสำเร็จจากที่อื่น มาที่นี่แล้วต้องเป็นอย่างนั้น
สตีเว่น เจอร์ราร์ด เอาชื่อมาทิ้งที่ แอสตัน วิลล่า
เราได้เห็นเคสตัวอย่างมีกุนซือฝีมือฉมังมากมาย ได้รับการยกย่องจากทั่วหล้า แล้วเอาชื่อมาทิ้งในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ขุดหลุมฝังกันนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
กระทั่งฤดูกาลนี้เริ่มขึ้น แฟนบอลแอสตัน วิลล่าจึงเพิ่มความคาดหวังเข้าไปอีก พวกเขาเชื่อว่าได้เห็นสัญญาณเตือนที่ดีจากสไตล์การทำทีมของผู้จัดการ แนวทางการเล่นเกมรุกแบบดุดัน เพรสซิ่งแบบเข้มข้น ล้วนแต่คือตัวตนของเขาเมื่อครั้งยังเป็นนักเตะ
ในส่วนของเกมรับที่เคยเป็นจุดอ่อน ถูกแก้ไขให้แน่นด้วยการซื้อ ดีเอโก้ คาร์ลอส มาจากเซบีย่าและ บูบาร์กา กามาร่า มิดฟิลด์เชิงรับที่ได้มาแบบฟรีๆ ประกอบกับสามารถรั้ง ดักลาส ลุยซ์ เอาไว้ได้ ดูแล้วน่าจะกระเตื้องขึ้นเลย
แต่แล้วภาพที่จินตนาการไว้ กลับไม่เกิดขึ้น ตรงกันข้ามผลงานของสิงห์ผยองแห่งมิดแลนด์ไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก ดูเหมือนจะก้าวถอยหลังด้วยซ้ำ หากเทียบกับช่วงแรกของเจอร์ราร์ด
แทบไม่มีมาตรฐานหรือคาดหวังอะไรได้เลย ทั้งที่มีการทุ่มงบประมาณสำหรับเสริมประสิทธิภาพในขุมกำลังให้แน่นมากกว่าเดิม อีกทั้งรักษาผู้เล่นตัวหลักเอาไว้ได้เกือบทั้งหมด
พาเหรดกันฟอร์มห่วย
จนถึงเวลานี้วิลล่าเพิ่งชนะแค่ 2 เกมเท่านั้นและแพ้ไปถึง 5 ด้วยกัน อันดับจึงร่วงลงมาอยู่ที่ 16 หมายถึงหมิ่นเหม่ต่อการหนีตกชั้น สถานการณ์น่าเป็นห่วงเหลือเกิน
ปัญหาของทีมมาจากทั้งเกมรับและรุก ซึ่งทรุดหนักลงจากเดิม เกมรับโดนทะลวงไปแล้ว 13 ประตูจาก 10 เกม เฉลี่ยเสียเกิน 1 ประตูต่อ 1 เกมด้วยซ้ำ
เกมรุกก็เพิ่งยิงได้แค่ 7 ประตูเท่านั้น ค่าเฉลี่ยคือไม่ถึง 1 ประตูต่อ 1 เกม ทั้งที่ผู้เล่นแนวรุกชั้นดีมีราคาสูง เดินแทบชนกันอยู่ในทีมเวลานี้
ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ซึ่งยอมจ่ายเกือบ 20 ล้านปอนด์ ซื้อขาดแบบถาวรและตั้งใจว่าจะให้เป็นศูนย์กลาง ไม่อาจแบกภาระได้เลย เกมล่าสุดที่โดนเชลซีตบดิ้นคารังก็ยังต้องนั่งสำรอง แล้วค่อยถูกเปลี่ยนลงมา ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้น
เอมิ บวนเดีย อีกหนึ่งความหวัง ยังไม่สามารถปรับวิธีการเล่นให้สอดคล้องกับแท็คติกผู้จัดการทีม ดูแล้วน่าอึดอัดในหลายจังหวะและเสียดายสกิลอันยอดเยี่ยม ที่กลับกลายเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์
กองหน้าอย่าง โอลลี่ วัตกิ้นส์ ที่เคยกระหึ่มถึงขั้นถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษ ก็รูดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ แดนนี่ อิงก์ส ซึ่งคาดหวังอะไรไม่ได้อีกต่อไป ร่างกายโรยลงจากเดิมมาก
จะไปโยนความกดดันให้ เจค็อบ แรมซี่ย์ ซึ่งนาทีนี้ดูดีกว่าใคร คงไม่ได้หรอก เขายังเป็นดาวรุ่งที่ควรได้รับการสนับสนุน มากกว่าจะมารับภาระอันหนักอึ้งเกินไป
ขณะที่ เลออน เบลี่ย์ หวือหวาก็จริง แต่ก็ลักษณะเดียวกัน แรมซี่ย์ ไม่สามารถตั้งความหวังได้เลย เหมือนบอลชายเดี่ยวที่รอเข้าฝักมากกว่า ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
เกมรับก็ก่อความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะอย่าง ไทโรน มิงส์ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนแกนนำ ฟอร์มแผ่วลงน่าใจหาย ล่าสุดยังสกัดมั่วซั่ว จนโดน เมสัน เมาท์ ลงโทษมาแล้ว
เกมรับที่หลวมเสียง่ายเกิน ส่วนหนึ่งมีผลมาจากแท็คติกของ เจอร์ราร์ดที่ให้ลูกทีมยืนไลน์สูง ดันรุกเต็มที่เพื่อเจาะตาข่ายฝั่งตรงข้าม ไม่ได้ห่วงเลยว่าหลังบ้านจะเกิดปัญหาตามมา
เมื่อบวกกับผู้เล่นต่างนัดกันฟอร์มตกกันเกือบทุกคน สิงห์ผยองก็เลยไม่อาจลำพองเหมือนที่เคยทำ เขี้ยวเล็บที่เคยแหลมคมสึกกร่อนตามที่เราเห็นกัน
สิ่งที่ตามมาก็คือ กระแสข่าวปลด เจอร์ราร์ดจากตำแหน่งกุนซือ ดูแรงมากขึ้นตามผลงานอันถดถอยนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง รักข้างเดียวหอเหี่ยวใจของ แฟรงกี้ เดอ ยอง
เจอร์ราร์ด ออกไป
สื่อท้องถิ่นอย่างเบอร์มิ่งแฮม โพสต์ เปิดประเด็นน่าสนใจ ด้วยข่าวที่ว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อดีตกุนซือท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์และปารีส แซงต์ แชร์กแมงอาจถูกทาบทามมาแก้ไขปัญหา
นี่คือคนที่น่าจะเหมาะสมแล้ว ตอบโจทย์เรื่องประสบการณ์ ผ่านชั่วโมงบินมาสูง เคยคุมสโมสรใหญ่ รวมทั้งสไตล์เน้นเกมรุก
แม้ทาง ทอมมี่ จอร์แดน หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของวิลล่า จะออกมาโบ้ยว่าไม่เป็นความจริง เก้าอี้ของ เจอร์ราร์ดยังมั่นคงแข็งแรง แต่นั่นไม่ใช่การการันตีว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น
คาดว่าอีก 2 เกมจากนี้ จะเป็นการชี้วัดอนาคตอย่างแท้จริง เริ่มจากไปเยือนฟูแล่ม ตามด้วยกลับมาเล่นดวลเบรนท์ฟอร์ด เจอคู่แข่งไม่แข็งมาก หากทำแต้มหล่นพร่ำเพรื่อ เห็นทีจะอยู่ร่วมกันไม่ได้อีก
หากไม่อยากลำบากในท้ายซีซั่น บอร์ดบริหารคงต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างและต้องพยายามหาทางรักษาศรัทธาของแฟนบอลเอาไว้ให้ได้ด้วย
สิ้นสุดวีกเอนด์นี้ เราจะมีคำตอบแล้วว่า เจอร์ราร์ดจะมีไฟเขียวได้ไปต่อกับวิลล่าหรือไม่?
