ถ้าพูดถึงพระเกจิชื่อดังของประเทศไทยแล้ว ชื่อ หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมืองชัยนาท ต้องเป็นหนึ่งที่ถูกกล่าวถึง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสี่ยงเรื่องวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง และในเรื่องที่เป็นพระอาจารย์ของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บิดาแห่งกองทัพเรือไทย
หลวงปู่ศุขเกิดเมื่อปี 2390 ได้ร่ำเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ที่วัดอู่ทอง ก็เลยได้เรียนทั้งภาษาไทย และภาษาขอม แต่ไม่นานนัก ลุงแฟง ได้มาขอหลวงปู่ศุข ไปเลี้ยงที่บ้านริมคลองบางเขน พอโตมาก็ทำมาค้าขายที่ปากคลองบางเขนเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยา
พออายุได้ 18 ปี ท่านก็ได้แต่งงานกับภรรยา จนได้ลูกชาย 1 คน แต่พออายุได้ 22 ปี ก็ขอบวชเป็นพระ ลุงแฟง ก็พาไปบวชที่วันโพธิ์บางเขน ทุกวันนี้เรียกว่าวัดโพธิ์ทองล่าง ปากคลองบางเขน ได้หลวงพ่อเชย เจ้าอาวาสวัดบวชให้
หลวงปู่ศุขได้ร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อเชย จนหมดสิ้นความรู้ที่จะถ่ายทอดให้ จนแก่กล้าพุทธาคม เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน สำเร็จวิชาเพ่งกสิณ จากนั้นท่านออกธุดงค์ เล่ากันต่อมาว่า ได้ไปพบกับ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานที่วัดชนะสงคราม และได้ร่ำเรียนวิทยาคมด้วยกันที่วัดแห่งนั้น
หลวงปู่ศุขเมื่อร่ำเรียนวิชาอาคมจนจบสิ้นแล้ว ก็ออกธุดงค์ได้ฝากตัวเป็นศิษย์และร่ำเรียนวิชาเพิ่มเติม จากเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน จากนั้นก็ออกธุดงค์จนกระทั่งมาถึงบ้านเกิดคือจังหวัดชัยนาท มาจำวัดอยู่ที่วัดอู่ทอง ซึ่งตอนนั้น เป็นวัดร้าง ญาติโยมที่ศรัทธาก็ช่วยกันสร้าง เป็นวัดมาจนถึงทุกันนี้ และหลวงปู่ศุข ก็เป็นเจ้าอาวาสวัดอู่ทองที่สร้างขึ้นมาใหม่
หลวงปู่ศุข กับจุดเริ่มต้นของพุทธคุณ
ชื่อเสียงของหลวงปู่ศุขเริ่มโด่งดังเอาเมื่อโยมแม่ของหลวงปู่ศุข ไปถึงแก่กรรมหลวงปู่ศุขได้สร้างพระพิมพ์สี่เหลี่ยมซุ้มรัศมีแจกผู้ที่มาร่วมงานศพของโยมแม่ ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกที่หลวงปู่ศุข สร้างขึ้นแจกให้แก่ญาติโยม
ที่ว่ามีชื่อเสียงนั่นก็เพราะ พระพิมพ์ที่แจกไปนั้นเกิดอิทธิฤทธิ์ทางคงกระพันชาตรี เขี้ยวงาไม่ระคาย เพราะสมัยนั้น บ้านเรือนผู้คนชอบเลี้ยงหมาเอาไว้เฝ้าบ้าน แต่รั้วบ้านไม่ค่อยจะมี หลายคนเดินไม่ระวังก็จะถูกหมากัด แต่บังเอิญหมาไปกัด คนที่แขวนพระของหลวงปู่ศุข แต่คมเขี้ยวของหมา ไม่สามารถทำอันตรายแก่คนที่ถูกกัดได้ พอเกิดกับหลายคนเข้า ชื่อเสี่ยงเรื่องพระของหลวงปู่ศุข ก็ขจรจายไปแบบปากต่อปาก ญาติโยมก็เริ่มไปขอพระจากหลวงปู่ศุข เพื่อเอาไปแขวนคอลูกหลาน ให้พ้นภัยจากเขี้ยวสุนัข พระเนื้อตะกั่วของหลวงปู่ศุข ก็ยิ่งโด่งดังขึ้นไปอีก
แต่ที่ทำให้ชื่อเสียงหลวงปู่ศุข โด่งดังเป็นที่สุด ก็คือการได้พบกับกรมหลวงชุมพร ที่เล่ากันว่า เป็นเหตุบังเอิญที่ทำให้ทั้งสองท่านได้พบปะกัน เพราะกรมหลวงชุมพร นั้นไม่ได้มุ่งมาที่วัดหลวงปู่ศุข มุ่งขึ้นไปทางเหนือ แต่บังเอิญว่า เรือเกิดมาดับที่ใกล้ท่าน้ำหน้าวัด ก็เลยให้คนไปถามหาเจ้าอาวาสวัด
เล่ากันว่า เวลานั้นหลวงปู่ศุข กำลังเสกหัวปลีให้เป็นกระต่ายให้ลูกศิษย์วัดดู กรมหลวงชุมพรท่านเห็น ก็เลยสนใจ เพราะศึกษามีความรู้ในด้านนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ จนเดินทางไปครั้งที่สอง จึงได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ และร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข จนหมดสิ้น วิชาอาคมที่ผู้คนมักจะพูดถึงก็คือ เสกใบมะขานให้เป็นต่อเป็นแตนได้
แต่มีเรื่องเล่าต่อมาว่า มีคนไปถามหลวงปู่ศุข ว่าท่านสามารถเสกใบมะขาม เป็นต่อเป็นแตนได้หรือไม่ หลวงปู่ ท่านกลับตอบเลี่ยงไปว่า “เรื่องลวงโลก”
แต่เรื่องเล่าจากมหาท่านหนึ่งที่อาสา ไปปรนนิบัติรับใช้ จนหลวงปู่ให้เป็นคนลงเข็มสักยันต์ให้ว่า มีคนมาขอให้หลวงปู่ศุข สักยันต์ให้ หลวงปู่ก็ให้มหาเป็นคนสัก มหาก็ถามกลับไปว่า หลวงปู่ไม่สักเอง แล้วจะศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ หลวงปู่ก็บอกว่า “มันขึ้นอยู่ที่ผมเสกเป่านะคุณมหา”
บทความที่เกี่ยวข้อง คาถา หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
เมื่อคนมาขอให้สักยันต์เพื่อให้ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง มหา ก็ถามหลวงปู่ว่า จะสักด้วยคำว่าอะไร หลวงปู่ก็ตอบว่า สักคำว่า “นะ ชาลิติ”
อีกคนขอให้สักยันต์แล้วมีเมตตามหานิยม หลวงปู่ศุขก็ให้สักคำว่า “นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู”
จะเห็นได้ว่า คาถาที่หลวงปู่ศุข ใช้เพื่อลงอักขระเลขยันต์ ไม่ว่าจะเป็นการสักยันต์ หรือวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือตะกรุด ก็ไม่ได้แปลกพิสดารอะไร เลยมีผู้ที่รวบรวมพระเครื่อง วัตถุมงคลของหลวงปู่ศุข มาเก็บไว้เพื่อการศีกษา ก็เป็นคาถาทั่วไป มีคำยืนยันด้วยว่า มีคนเอาไปร่ำเรียนจริงจัง แต่ความเข้มขลังอยู่ที่ได้จากหลวงปู่ศุข นั้นไม่มี
ท่านผู้รู้ท่านว่า นั่นน่าจะเป็นเพราะจิตอันแรงกล้าของหลวงปู่ศุข ที่ได้จากการเพ่งกสิณและทำสมาธิจิต จนมีอำนาจบารมีสามารถสั่งการให้เป็นอะไรก็ได้ เหมือนที่ร่ำลือกันว่า แค่หลวงปู่ศุข เพ่งแล้วว่าคาถา แล้วเอามือตบหลังทหารคนนั้น ก็โดดลงน้ำว่ายเป็นจระเข้ไปในทันที แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นการกำหนดให้คนที่มองเห็น ได้เห็นอย่างที่อำนาจบารมีหลวงปู่สั่งการ ใบมะขามก็ยังเป็นใบมะขาม หัวปลี ก็ยังคงเป็นหัวปลี
แต่หากใครจะไปกราบหลวงปู่ศุข ที่มรณภาพไปร่วมร้อยปีแล้ว ก็ยังสามารถไปกราบนมัสการท่าน ได้ที่ว่าปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ได้ทุกวัน ที่นั่นก็มีประวัติศาสตร์และเรื่องเล่า ความเชื่อ โชคลาภ ที่เชื่อกันว่า เมื่อได้ลอดใต้ฐานรูปปั้นหลวงปู่ศุข แล้วเรื่องร้ายจะหลายเป็นดี โชคลาภความร่ำรวยจะตามมา