ลุค แชดวิค ถึง ฟิล โจนส์ เหยื่อแห่งการบุลลี่ ของแฟนบอล ในยุคที่โซเชี่ยลเบ่งบาน ทุกคนมีพื้นที่แสดงความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ใครอยากคอนเมนต์อะไรหรือสื่อสารอย่างไหน แค่อยู่หลังคีย์บอร์ดก็จัดการได้แล้ว
ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่นักฟุตบอลยุคนี้ ต่างต้องเจอเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลสารพัด ไม่ใช่แค่แง่บวกอย่างเดียวหรือแค่ตำหนิแบบมีเหตุผล พอจะรับได้
แต่บางครั้งหนักถึงขั้นบุลลี่หรือเหยียดหยามดูแคลนกันเลยก็มี
อย่างเคสของ ฟิล โจนส์ กองหลังที่ถูกลืมของแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งล่าสุดโดนลอยแพเรียบร้อย จะไม่ได้ลงเล่นในช่วงที่เหลือของฤดูกาลอีกแล้ว เคยผ่านการโดนบุลลี่มาเยอะมาก
แค่เขาบาดเจ็บบ่อยเกินไป ลงเล่นแบบไม่คุ้มค่าจ้าง แถมหน้าตาเวลาอยู่ในสนาม ยังถูกจับภาพได้ว่าดูจริงจังตั้งใจ จนกลายเป็นตัวตลกขบขันและ Meme ตามโซเชี่ยล
นี่เป็นอีกหนึ่งในสาเหตุทำให้ โจนส์ ตัดขาดจากการเล่นโซเชี่ยลทันที ไม่สนความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นบั่นท่อนต่อสภาพจิตใจให้ทรุดหนักเข้าไปอีก
แต่ไม่ใช่ โจนส์ แค่คนเดียวหรอกที่ต้องเจอเล่นงานในลักษณะนี้ มีนักฟุตบอลอาชีพอีกมากที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ Toxic หรือเป็นพิษต่อความรู้สึก
บรรดาพวกแข้งผิวสีหรือพวกนักเตะที่มาจากประเทศโลกที่ 3 ก็เจออยู่บ่อยๆเช่นกัน ยิ่งสมัยก่อนด้วยแล้ว ดูจะหนักหนากว่าด้วย เพราะการรณรงค์ยังไม่เข้มข้นหรือเข้าถึงกันนัก
เมื่อผู้คนไม่น้อย คิดว่าการได้ล้อเลียนผู้อื่นให้รู้สึกอับอาย เป็นที่ขำขันของคนทั่วไป สิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ
นักเตะคนหนึ่ง ซึ่งเคยตกเป็นเหยื่อมาแล้ว จนแทบจะทำชีวิตค้าแข้งพังคือ ลุคแชดวิค นั่นเอง
สำหรับแฟนบอลพรีเมียร์ลีกหรือที่ตามเชียร์แมนฯยูไนเต็ดยุค 2000 เป็นต้นมาน่าจะพอจำชื่อนี้กันได้ เพราะไม่ได้ถึงขั้นโนเนม เคยก้าวมาเล่นในทีมชุดใหญ่ รวมทั้งติดทีมมาทัวร์ปรีซีซั่นที่เมือไทยด้วย
แต่ความโดดเด่นไม่ได้อยู่ที่ฝีเท้า กลับเป็นเรื่องหน้าตาซึ่งถูกพูดถึงในแง่ลบ อยู่ในขั้นอัปลักษณ์ ฟันที่ยื่นออกจนน่าเกลียด สิวขึ้นเต็มใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยรอยปุปะ ใครเห็นก็ต้องเหลียวมามอง บางคนอดหัวเราะไม่ได้
นั่นคือปมด้อยของเขาที่ยังไงก็เลี่ยงไม่พ้น แม้ตัวเขาเองจะพยายามโฟกัสที่ฟุตบอลและหลบเลี่ยงจะจอผู้คนจำนวนมาก แต่มันไม่อาจทำได้เสมอไปหรอก
ยิ่งนานวันเข้าดูมันจะเกาะกินในใจมากขึ้นตามลำดับ ในฐานะที่เล่นปีกขวาเหมือนกัน เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เดวิด เบ็คแฮม ซึ่งแตกต่างกันอย่างมากมาย เหมือนเทวกับซาตาน
บ่อยครั้งที่เขาโดนบุลลี่หรือล้อเลียน หากเป็นเพื่อนฝูงที่ใกล้ชิดกันนั่นไม่เท่าไร ยังพอเข้าใจเจตนากันดี
หากเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันนี่หล่ะน่ากลัว ตัวเขาเองก็ไม่เคยไปทำร้ายใคร อยู่แบบเงียบๆเสมอมา
นานวันเข้าก็ชอบเก็บเนื้อเก็บตัว ผลงานก็ไม่ดีเหมือนอย่างที่หวังไว้ โดนเรื่องเหล่านี้รบกวน
โอกาสของ แชดวิค ที่จะได้อยู่กับแมนฯยูไนเต็ด จึงแทบมองไม่เห็นเลย แม้จะได้เหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2000-01 ก็ตาม
แชดวิค จึงไม่ประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะอาชีพอย่างมันควรจะเป็น เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วน่าเสียดายไม่น้อยเลย
ภายหลังเขาไปปรับโฉมโมหน้ามาบางส่วน มีการดัดฟันจัดให้เข้ารูปเข้ารอย แต่บาดแผลจากอดีตก็ยังคงหลอกหลอนอยู่
เคยมีเว็บไซต์หนึ่งเคยทำโพลสำรวจจากแฟนบอลทั่วไปว่านักเตะคนไหน หน้าตาน่าเกลียดที่สุด ปรากฏว่าชื่อ แชดวิค นำลิ่วมาเลย ถ้าเป็นเราจะมีความรู้สึกอย่างไร
การถ่ายทอดประสบการณ์อันเลวร้ายของ ลุค แชดวิค
เขาเกษียณจากการเล่นฟุตบอลเมื่อ 7 ปีก่อน แล้วหันไปเอาดีงานด้านโค้ช ก่อนจะถ่ายทอดประสบการณ์อันเลวร้ายเอาไว้ให้เป็นสิ่งที่เตือนใจพวกคนรุ่นหลัง
“ในฐานะนักฟุตบอลดาวรุ่งผมมักโดนข่มเหงเกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผมมากๆ”
“ความอับอายมันหยุดผมในการที่จะพูดคุยว่าผมรู้สึกยังไง บางครั้งมันจะรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน”
“แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญที่ผมต้องพูดเกี่ยวกับความรู้สึก หลายเคสที่ผมต้องเจอกับความยากลำบากมากๆ”
เขาเคยโดนแฟนบอลโบลตันด่าไล่หลังเกี่ยวกับเรื่องหน้าตา เจอกองเชียร์ฟูแล่มบูลลี่ล้อเลียนเป็นที่สนุกสนาน
เคยคิดเหมือนกันว่าควรตอบโต้ออกไป แต่จิตสำนึกก็กระตุกเอาไว้ว่าการเงียบน่าจะเป็นทางออกดีที่สุด
ซ้ำร้ายกว่านั้นคืออรายการทีวี They Think It’s All Over เคยเอาเรื่องหน้าตาไปล้อและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ที่สำคัญหนึ่งในพิธีกรคือ แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษระดับตำนานและทำงานให้กับ BBC ในรายการฟุตบอล Match of the day ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
ภายหลัง ลินิเกอร์ ทนกระแสกดดันไม่ไหว ต้องออกมาขอโทษ หากเป็นคนอื่นน่าจะมีเคืองบ้างแต่ แชดวิค ไม่ติดค้างอะไรพร้อมให้อภัย
บทความที่เกี่ยวข้อง
กฎเหล็กของกุนซือเทนฮากไม่มีใครก้าวข้ามได้
เหตุการณ์ของ แชดวิค กับ ฟิล โจนส์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ห่างกันพอสมควร แต่การบุลลี่ยังไม่ได้จางหายหรือลดน้อยลงสักเท่าไร
ต่อให้มีบทเรียนหรือเคสในทำนองนี้หลายครั้ง แต่ผู้คนทั่วไปยังคงสนุกกับการทำร้ายจิตคนอื่น เพียงแค่คิดว่ามันเป็นความสุขของตัวเองที่ได้เห็นใครต่อใครกลายเป็นตัวตลก
มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากๆ ที่ใครสักคนมองเห็นความทุกข์คนอื่นคือความสุขของตัวเอง นี่แหล่ะที่ต้องเรียกว่า Toxic อย่างแท้จริง
จาก ลุคแชดวิค มาสู่ ฟิล โจนส์ และยังมีนักเตะอีกมากนักที่ต้องเจอ โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันแน่ สิ่งน่าเกลียดเหล่านี้จะหายไปจากเกมลูกหนัง
บางครั้งจิตใจของมนุษย์ด้วยกัน มันก็โหดร้ายเกินกว่าจะคาดคิดได้เลยจริงๆ
