เมื่อ มิเกล อาร์เตต้า ลูกศิษย์คิดจะโค่นอาจารย์

มิเกล อาร์เตต้า หลังจากพา อาร์เซน่อลบุกไปสอนเชิงวูล์ฟแฮมปตัน 2-0 พร้อมคว้า 3 แต้มสำคัญ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้ครองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในช่วงคริสต์มาสแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

เพราะกว่าลีกจะคัมแบ็กอีกครั้งคือ 26 ธันวาคม บ็อกซิ่งเดย์พอดิบพอดี ทัพปืนโตเลยได้ตำแหน่งนี้ไปครอบครอง

ครั้งสุดท้ายที่อาร์เซน่อลยึดฝูงช่วงคริสต์มาส แล้วผงาดงาบแชมป์ลีกสูงสุดหรือดิวิชั่น 1 เดิม ต้องถอยหลังกลับไปไกลยันฤดูกาล 1947/48 เรียกว่านานมาก จนแทบจะลืมกันเลย หากไม่หยิบคู่มือในอดีตมาปัดฝุ่นดูซะก่อน

สิ่งที่สำคัญอย่างมาก็คือ ชัยชนะที่โมลินิวซ์ กราวด์ ไม่ใช่การตอกหมุดย้ำนั่งบัลลังก์จ่าฝูงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการทิ้งห่างแมนฯซิตี้ถึง 5 คะแนนเต็ม เป็นการเพิ่มความอุ่นใจไม่น้อยเลย ก่อนจะกลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ที่อาร์เซน่อลรักษาระดับความสูงในการบิน ยืนหยัดตำแหน่งจ่าฝูงมาตลอด ก็ต้องเจอกับคำสบประมาทปรามาสสารพัดว่าไม่มีทางต่อกรกับแมนฯซิตี้ได้เด็ดขาด ยังแตกต่างกันอีกหลายขุม

ไม่ว่าจะเป็นความเขี้ยว ประสบการณ์ คุณภาพนักเตะ กระสุนดินดำที่เอาไว้เสริมกำลังพล

หรือแม้กระทั่งผู้จัดการทีม อันเปรียบเสมือนแม่ทัพใหญ่นำสงคราม มิเกล อาร์เตต้าก็เป็นรอง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชัดเจนมาก อีกทั้งเคยเป็นลูกมือมาก่อนด้วย จะเอาอะไรไปสู้ลูกพี่ อย่ามาริวัดรอยเท้ากันให้เสียเวลาเลย

มิเกล อาร์เตต้า ถูกมองว่าฝีมือยังไม่ถึงขั้น

มีบางคนแสดงความเห็นอีกว่า อาร์เตต้า พยายามเหลือเกินที่จะเลียนแบบ เป๊ป ไม่ใช่แค่แนวทางหรือระบบการเล่นอย่างเดียว บุคลิกหรือการแสดงออกต่างๆ ก็มีความใกล้เคียงกันอีกด้วย

ท่วงท่าอากัปกิริยาเวลาคุมทีมข้างสนาม ตรงนี้หากสังเกตให้ดี เหมือนก็อปปี้มาเลย ต่อให้จะคิดว่ามันน่าจะบังเอิญ ก็ยังอดไขว้เขวไม่ได้

เชื่อว่า อาร์เตต้า ซึมซับรับเอาวิธีการ รวมทั้งอะไรต่อมิอะไรมากมายมาจาก เป๊ป สมัยยังเป็นมือขวาช่วยงานที่แมนฯซิตี้

อย่างไรก็ดี เป๊ป เองนี่แหล่ะเป็นคนเลือก อาร์เตต้า มาเป็นผู้ช่วยอยู่แบบใกล้ชิด ตอนที่ตัดสินใจรับกุมบังเหียนแมนฯซิตี้ในปี 2016 ด้วยเหตุผลมีความรู้แน่นมาก ผ่านคอร์สการเรียนโค้ช ได้ไลเซนส์การันตีความสามารถ

นอกจากนี้ยังรู้เรื่องและเข้าใจฟุตบอลลีกอังกฤษแบบลงลึกถึงรายละเอียด เพราะตอนเป็นผู้เล่นก็ค้าแข้งมาหมดทั้งเอฟเวอร์ตันและอาร์เซน่อล แถมประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ เป็นที่ยอมรับของกุนซือ เพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล

ในอีกมุมหนึ่ง อาร์เตต้า ก็ได้มีโอกาสศึกษาการทำงานของ เป๊ป ซึ่งกวาดเกียรติยศในฐานะแชมเปี้ยนส์ มานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นช่วงคุมบาร์เซโลน่าหรือบาเยิร์น มิวนิค

แล้วฟุตบอลของ เป๊ป ยังขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงาม ต่อบอลบนพื้นอย่างแม่นยำ เคลื่อนไหวดีเยี่ยม สมดุลลงตัวอย่างน่าทึ่ง รวมถึงการเข้าทำอันเด็ดขาด ยากนักที่ใครจะทำได้เหมือนหรือใกล้เคียง

นอกจากนี้ เป๊ป ยังเป็นที่หมกมุ่น ในหัวสมองจะคิดแต่เรื่องฟุตบอลตลอดเวลา จนต้องมีที่ปรึกษาไว้ข้างๆ เพื่อคอยกระตุกให้สมองโฟกัสโลกข้างนอกบ้าง ไม่ใช่จมอยู่กับเกมลูกหนังมากเกิน

โอกาสสำคัญแบบนี้ มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือ

ปี 2019 ตอน อาร์เตต้า ประกาศอิสรภาพให้ตัวเอง โบยบินออกมารับบทผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ก้าวขึ้นสู่เบอร์หนึ่งแบบเต็มตัวครั้งแรก มันเต็มไปด้วยความเสี่ยงสูงลิบมากๆ

การกล้าออกจากใต้ปีกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แมนฯซิตี้ เปรียบเสมือนเดิมพันสำคัญในชีวิต อาร์เตต้า เลยทีเดียว

แน่นอนว่าหากคุณเป็นอดีตแข้งอาร์เซน่อล แล้วมาวันหนึ่งได้รับข้อเสนอให้ไปคุมทีม มันคือโอกาสทองคำฝังเพชรร้อยกะรัตดีๆนี่เอง แทบจะปฏิเสธไม่ลงหรอก

อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า อาร์เตต้า ช่วงดังกล่าวเพิ่งเป็นเพียงแค่ผู้ช่วย การได้ดีดสปริงบอร์ดขยับขึ้นตำแหน่งสำคัญอันทรงเกียรติอย่างพรวดพราด มันช่างเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยิ่งนัก

ไม่ต้องสงสัยเลย อาร์ตต้า ปรึกษา เป๊ป เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่อให้ใจลอยไปยังอาร์เซน่อลนานแล้ว แต่ยังไงก็ต้องลองคุยกันหน่อย เผื่อมองเห็นบางอย่างทะลุปรุโปร่งกว่าเดิม

เป๊ป ไม่ต้องการเสีย อาร์เตต้า อยู่แล้ว หากคุณเป็นบอสแล้วมีผู้ช่วยเก่งๆคอยสนับสนุน เหมือนเป็นลมใต้ปีก ช่วยดันให้บินสูงขึ้น จะปล่อยไปง่ายๆหรือ ไม่มีทางหรอก

อย่างไรก็ดี เป๊ป คงพอเดาออกว่า ต่อให้ขวางทางเหนี่ยวรั้งสุดฤทธิ์ ก็ยากมากๆจะหยุดยั้งความตั้งใจ อาร์เตต้า เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าในชีวิตจะมีโอกาสดีงามอย่างนี้สักกี่ครั้งกัน แต่ถ้ามันวิ่งพุ่งมาชนแล้ว ก็สมควรต้องรีบไขว่คว้าไม่ใช่หรือ

ชีวิตบนเก้าอี้กุนซืออาร์เซน่อลของ อาร์เตต้า ดูสวิงกลิ้งกลอกไปมา หาความแน่นอนไม่ได้เท่าไรนัก อาจพาทีมไปไกลถึงแชมป์เอฟเอ คัพ แต่พอกลับมาเล่นในลีก อันดับรูดลงน่าใจหาย จนเมื่อต้นซีซั่นที่แล้ว เปิดหัวมาพ่ายเละ 3 เกม เสียงเรียกร้องให้ปลดดังกระหึ่ม

บทความที่เกี่ยวข้อง
ฟุตบอลโลก 2022 – เวิลด์คัพบนความเจ็บปวด

สบยทุกข้อครหา

กระนั้นเมื่อยังคงได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหาร อาร์เตต้า ก็แสดงผลงานฝ่าวิกฤตได้สำเร็จ ต่อให้บั้นปลายจะไปไม่ถึงเป้าคือท็อปโฟร์ก็ตาม อย่างน้อยก็พอเห็นแสงสว่างในอนาคต ไม่ใช่ดับสนิทดับมืดซะเมื่อไรกัน

อาร์เตต้า ใช้เวลาลองผิดลองถูก เหมือนพยาสามประกอบร่างให้สมบูรณ์แบบตามสไตล์ของตน จนกระทั่งมาซีซั่นนี้ จึงได้เห็นโฉมฟุตบอลของเขาอย่างแท้จริง ซึ่งเราน่าจะเรียกอย่างนั้นได้เต็มปาก

เพรสซิ่งอันดุดัน เข้าทำอย่างรวดเร็วชนิดทะลุไปข้างหน้า บวกด้วยความเด็ดขาด ล้วนแต่เป็นตัวหนุนนำทั้งสิ้นและต้องไม่ลืมเกมรับที่ได้รับการขันนอตจนแน่นหนาปลอดภัย

อาจจริงที่ว่า การนำแมนฯซิตี้แค่ 5 คะแนน พร้อมด้วยเส้นทางการห้ำหั่นฟาดฟันยังอยู่อีกไกล มันยังชี้วัดหรือเอามาตัดสินอะไรไม่ได้

แต่ถึงตรงนี้ความมั่นใจของ อาร์เตต้า และลูกทีมคงมาแบบเต็มกราฟแน่ๆ ร่วมกันกอดคอต่อสู้มากันขนาดนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือผลกำไรทั้งสิ้น

สำหรับ อาร์เตต้า มันคือความสวยงามมากๆและคงเป็นของขวัญอันล้ำค่าในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่เลย