เชื่อเหลือเกินว่าแฟน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คงตกอยู่ในอาการช็อกหรือผิดหวังอย่างถึงที่สุดกับผลเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนนี้
พวกเขาอุตส่าห์ออกนำแมนฯซิตี้ 2-0 ในครึ่งแรก เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม แข็งแกร่งกว่าที่คาด มีโอกาสเหลือเกินที่จะหยิบ 3 แต้มกลับลอนดอน
แต่ใครจะกล้าไปคิดว่า ซิตี้ซึ่งมี 45 นาทีแรกที่ไม่ดีเอาซะเลย ผู้เล่นก่อความผิดพลาดมากมาย จะกลับมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
จากที่นำอยู่ 2-0 ในครึ่งแรก พอกลับมาครึ่งหลังไก่เดือยทองโดนรวดเดียว 4 ประตู พ่ายราบคาบหมดสภาพ แทบจะเป็นหนังคนละม้วนเลย
แน่นอนยิด อาร์มี่หรือบรรดาแฟนบอลของพวกเขา คงมานั่งคิดเหมือนกันว่า ทำไมทีมรักถึงต้องมาตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ ราวกับมีอาถรรพ์คอยตามหลอกหลอนเรื่อยมา
จะว่าไปแล้วนี่คือช่วงเลวาที่น่าจะไม่น้อยเลย ไม่กี่ปีก่อนในยุคของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เป็นผู้จัดการทีม สามารถผลักดันขึ้นมากลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่ทรงอิทธิพลของพรีเมียร์ลีก
จากที่เคยมี “บิ๊กโฟร์” ก็กลายเป็น “บิ๊กซิกซ์” ในเวลาถัดมา ซึ่งก็รวมสเปอร์สเอาไว้ในทำเนียบด้วย
นอกจากมีแข้งชั้นนำในทีมเป็นตัวชูโรงอย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง มิน ยังมีสังเวียนแข้งแห่งใหม่ ที่ใหญ่โตโอ่โถงล้ำสมัย เป็นหน้าเป็นตาไม่พอ ยังช่วยสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำด้วย
มันน่าจะถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ประกาศศักดาสักที ไม่ต้องกินน้ำใต้ศอก มองทีมอื่่นประสบความสำเร็จ แฟนบอลได้ฉลองกันอย่างครึกครื้นอีกต่อไป
สเปอร์สเคยเข้าใกล้การเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหล่ะ ต้องเข้าใจความเป็นจริงอย่างหนึ่ง โลกใบนี้ไม่จดจำรองแชมป์หรืออันดับ 2 หรอก
มันไม่ใช่ความภาคภฒิใจหรือความสำเร็จที่แท้จริง จำต้องไม่ได้ สัมผัสไม่เห็นและพูดถึงทีไร ก็ได้แต่เกิดความรู้สึกเจ็บช้ำระกำใจ มากกว่าจะแฮปปี้ปรีดา
ความพ่ายแพ้ของสเปอร์สที่เอติฮัต สเตเดี้ยม บอกตามตรงว่ามันดูง่ายดายเกินไป ครึ่งหลังโผล่มาก็โดนเจาะเลย แถมเสีย 2 ประตูในช่วงเวลา 2 นาทีกับอีก 6 วินาที บ่งบอกถึงสมาธิที่แย่มากๆ
การป้องกันก็หละหลวม ในการต่อสู้ระดับทีมใหญ่ของลีกด้วยกัน มัยไม่ควรเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น
นั่นทำให้หลายคนหวนนึกถึงประโยคอันคลาสสิกของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยพูดถึงท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
“Lads , It’s Tottenham” หรือแปลเป็นไทยแบบเรียบง่ายก็คือ “เฮ้เด็กๆ นั่นมันก็แค่ท็อตแน่มเท่านั้นเอง”
ย้อนอดีตของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในสายตาเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
มันเป็นอย่างไรกัน ลองไปเจาะเวลาหาอดีตดูกันหน่อย แล้วค่อยมองสะท้อนกลับมายังปัจจุบัน เพราะถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว
นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992/93 ซึ่งชื่อพรีเมียร์ลีกถือกำเนิดมาแทนดิวิชั่น 1 จนถึงฤดูกาล 2012/13 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์เผชิญหน้ากับแมนฯยูไนเต็ดทุกรายการ 48 นัด
ผลคือไก่เดือยทองคว้าชัยได้แค่ 5 นัดเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นคือห้วงเวลา 20 ปีที่ เฟอร์กี้ นำแมนฯยูไนเต็ดครอบครองความยิ่งใหญ่ยาวนานต่อเนื่อง
หนึ่งในแมตช์คลาสสิกต้องยกให้เกมลีกในซีซั่น 2001/02 ที่เดอะ เลนสเปอร์สเปิดม่านอย่างสวยงามออกนำก่อน 3-0 ในครึ่งแรกจาก ดีน ริชาร์ดส์ , เลส เฟอร์ดินานด์ และ คริสเตียน ซีเก้
ครึ่งหลังสถานการณ์พลิกผันชนิดฟ้าเปลี่ยนเป็นเหวในความรู้สึกของกองเชียร์ไก่เดือยทอง
เริ่มต้นจาก แอนดี้ โคล ซัดตีตื้นในนาทีที่ 46 จากนั้นทำนบไก่เดือยทองก็พังทลายลงมาราบคาบ โลร็องต์ บล็องก์ , รุด ฟาน นิสเตลรอย , ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ เดวิด เบ็คแฮม ดาหน้ามากระหน่ำอย่างเมามัน ช่วยให้แมนฯยูไนเต็ดพลิกกลับมาถล่ม 5-3
หรือในฤดูกาล 2008/09 เกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สเปอร์สได้ 2 ประตูใน 3 นาทีจาก ดาร์เรน เบนท์ และ ลูก้า โมดริช ในนาทีที่ 29 และ 32 ออกนำห่าง 2-0 ในครึ่งแรก
คิดว่าน่าพอวางใจได้บ้าง โอกาสเก็บ 3 คะแนนกลับลอนดอน ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมเลย ยังไงก็ไม่น่าพลาด ประวัติศาสตร์บ้าบอกคอแตกจะมาซ้ำรอยบ่อยๆได้อย่างไรกัน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดจุดโทษไล่มา 1-2 ในนาทีที่ 57 จากนั้นอีก 10 นาที เวย์น รูนี่ย์ มาช่วยซัด แล้วสองคนจะแบ่งกันเบิ้ล ปิดกล่องด้วย ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ทำให้ปีศาจแดงถล่มขาดลอย 5-2
เป็นไปได้อย่างไรที่ปล่อยให้คู่แข่งใช้เวลาไม่กี่นาที รัวรวดเดียว 5 ประตู แฟนบอลแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวกลับบ้านกันเลยทีเดียว
แม้จะมีศักดิ์ศรีดีกรีเป็นทีมดังแห่งลอนดอนเหนือ แต่สำหรับในความรู้สึกของเร้ด อาร์มี่แล้ว พวกเขาเป็นได้เพียงแค่ลูกไล่เท่านั้นเอง เจอกันทีไรก็เคี้ยวนิ่มเรื่อยมา
บทความที่เกี่ยวข้อง ทูเคิ่ลว่าที่นายใหญ่ไก่เดือยทอง ( สเปอร์ )?
ทีนี้รู้ยังว่าประโยค “Lads , It’s Tottenham” มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกัน
เอาง่ายๆในความรู้สึกของ เฟอร์กี้ อยากจะบอกลูกทีมว่า ตราบเท่าที่เสียงนกหวีดสุดท้ายยังไม่ดัง ครึ่งหลังยังไม่เริ่ม นั่นหมายถึงคุณสามารถพลิกฟื้นกลับมาชนะสเปอร์สได้เสมอ ต่อให้โดนนำห่างอยู่ก็ตาม
สำหรับแฟนบอลไก่เดือยทองได้ยินแล้วย่อมหงุดหงิด มันเหมือนเป็นการหยามหยันเยอะเย้นกัน แต่ในอีกด้านก็คือความจริง
ในขณะเดียวกันมุมมองของ รอย คีน อดีตกัปตันทีมแมนฯยูไนเต็ดยุคเฟื่องฟู เปรียบเสมือนขุนพลตัวกลั่นของ เฟอร์กี้ ก็ยังมีความรู้สึกแทบไม่ต่างกันเลย
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาแย่อะไรเลย แต่นึกดูสิเจอกันทีไรเราเป็นฝ่ายชนะตลอด นั่นมันคือความเคยชินแล้วล่ะ”
แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้ว แต่มั่นใจได้เลยว่า จากผลงานเกมล่าสุด ย่อมหนีไม่พ้นโดนประโยคดังกล่าวตามมาหลอกกันอีก
สำหรับแฟนบอลไก่เดือยทองแล้ว มันเซ็งแบบไม่มีที่สิ้นสุดเลยจริงๆ