4 แชมป์ของ ทีมปีศาจแดง ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ? หลังจบเกมยุฟ่า ยูโรปาลีกรอบเพลย์ออฟ ซึ่งแมนฯยูไนเต็ดบุกไปเสมอบาร์เซโลน่าที่คัมป์ นู 1-1
พอล สโคลส์ ในบทบาทกูรุพันดิตหรือผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์เกม แสดงความเห็นไว้ว่า ถึงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องตลกอะไรแล้ว หากจะบอกมีลุ้น “ควอดรูเปิล แชมป์” (Quadruple Champion) หรือสี่แชมป์
ฟังดูแล้วมันโอเวอร์อย่างมากเลย แม้แมนฯยูไนเต็ดจะยังอยู่บนเส้นทางทั้ง 4 รายการในซีซั่นนี้ แต่โอกาสจะทำสำเร็จมันยากเหลือเกิน พูดให้ดีคือแทบริบหรี่เลยทีเดียว
พวกเขากรุยทางผ่านเข้าชิงคาราบาวคัพหรือลีกคัพกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ถือเป็นรายการแรกที่มาก่อน
เอฟเอ คัพก็ฉลุยเข้าถึงรอบ 5 เรียบร้อย ด่านต่อไปเจอเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในบ้านตัวเอง พิจารณาจากสถานการณ์แล้ว โอกาสทะลุไปถึง 8 ทีมสุดท้ายมีไม่น้อยเลยทีเดียว
ขุนค้อนอาจจะเป็นทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยกันก็จริง ทว่าโฟกัสของพวกเขาน่าจะอยู่ที่การดิ้นหนีตกชั้นพรีเมียร์ลีกมากกว่า เวลานี้ยังไม่มีอะไรมาการันตีเลย คงต้องลุ้นกันยาวก่อนจบซีซั่น
ส่วนยูโรปาลีกเหลือตัดนัดเพลย์ออฟเลกสองกับบาร์เซโลน่า หลังบุกไปเสมอมา 2-2 ถือว่ากุมความได้เปรียบเหนือกว่า เมื่อต้องเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
นอกจากนี้ผู้เล่นแกนหลักที่ติดโทษแบนอย่าง ลิซานโดร มาร์ตีเนซ และ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ จะกลับเข้าสู่ทีมด้วย พร้อมเป็นทางเลือกให้ เอริก เทนฮาก อีกต่าง
หาก
ในอีกด้านบาร์ซ่าต้องเผชิญปัญหาหนักอก เมื่อทั้ง กาบี และ เปดรี้ สองกุมารในแดนกลางจะพลาดทั้งคู่ กักแข้งกับบาดเจ็บตามลำดับ รับประกันเลยว่าไม่ได้ลงอย่างแน่นอน
เซร์กี้ บุสเก็ตส์ ก็ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรนัก อายุอานามก็มากขึ้นทุกวัน จึงเหลือเพียงแค่ เฟร็งกี้ เดอ ย็อง ที่จะเป็นแกนหลัก พิษสงของยักษ์ใหญ่แห่งกาตาลันคงคลายไปพอสมควรเลย
เหลืออีกถ้วยคือพรีเมียร์ลีก หลังเกมทุบเลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 เก็บชัยชนะสำคัญและตามหลังแมนฯซิตี้อันดับ 2 เหลือแค่ 3 คะแนน ไล่กวดอาร์เซน่อลจ่าฝูง 6 คะแนน แต่แข่งมากกว่า 1 นัด
ว่ากันถึงความเป็นไปได้หรือเปอร์เซ็นต์ ต้องบอกว่าพอมีเลย ฤดูกาลนี้ยังเหลือเกมให้สู้อีก 15 นัด ถือว่าไม่ใช่น้อย มีสิทธิ์พลิกผันเปลี่ยนแปลง ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหากบรรดาสาวกจะเริ่มหวังกัน
เอริก เทนฮาก ยัน ทีมปีศาจแดง โฟกัสนัดต่อนัด
อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เมื่อไปถาม เอริก เทนฮาก คำตอบที่ได้ยังไม่แตกต่างไปจากเดิมเลยสักนิด
นั่นคือขอโฟกัสนัดต่อนัด มองแค่วันพรุ่งนี้ ตามแบบฉบับของแมนฯยูไนเต็ด เพื่อลดความกดดัน สู้กับตัวเองเป็นพอ ไม่ต้องสนใจคนอื่นให้มากนัก จากนั้นไว้ค่อยดูผลลัพธ์ที่จะตามมา
เรื่องนี้กุนซือดัตช์พยายามปรามลูกทีมมาตลอด เพื่อมุ่งมั่นกับเป้าหมายความจริง อันหมายถึงการจบท็อปโฟร์ คว้าโควต้ายูฟ่า แชเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า อย่าได้ไปหลงระเริงคำป้อยอ เกี่ยวกับการลุ้นแชมป์ลีก
ในขณะที่ลูกทีมคนสำคัญอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ซัลโวไปแล้ว 24 ประตูทุกรายการซีซั่นนี้ ก็ให้ความเห็นคล้อยตามทิศทางเดียวกับเจ้านาย ยืนยันว่าทั้งอาร์เซน่อลและแมนฯซิตี้เป็นทีมที่ดี
สิ่งที่ควรทำคือ มองมาที่ตัวเองก่อน แม้จะขยับเข้าใกล้เคนดิเคตลุ้นแชมป์เต็มตัวแล้ว นั่นน่าจะเป็นสิ่งดีสุดในเวลานี้
อย่างไรก็ดีในมุมมองของแฟนบอล พวกเขาอาจฝันไกลเหมือนอย่างที่ สโคลส์ ว่าเอาไว้เลย นั่้นคือ 4 แชมป์ไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป
เริ่มด้วยในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่จะถึง ดวลนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดนัดชิงคาราบาวคัพ
วิเคราะห์ตามหน้าเสื่อแล้ว ต้องบอกว่าสูสีคู่คี่กันมาก ชั่วโมงนี้สาลิกาดงไม่ธรรมดาเลย
แต่พวกเขาอาจจะเสียเปรียบเมื่อไม่มีทั้งผู้รักษาประตูมือ 1 และ 2 หมดโอกาสลงเฝ้าเสาทั้งคู่
นิค โป๊ป โดนไล่ออกในเกมลีกที่แพ้ลิเวอร์พูลล่าสุด ส่วนทาง มาร์ติน ดูบราฟก้า ก็ติดคัพไทอีก เพราะเคยเล่นให้แมนฯยูไนเต็ดในรายการนี้มาก่อน ช่วงย้ายแบบยืมตัวไม่นานมานี้
ภาระหนักจึงตกเป็นของ ลอริส คาริอุส ซึ่งรับตำแหน่งมือ 3 คนปัจจุบัน ซึ่งไม่ค่อยน่าไว้เนื้อเชื่อใจสักเท่าไรนัก
อดีตนายด่านลิเวอร์พูลแทบไม่ได้ลงสนามเลย สนิมเกาะอย่างแน่นอน แถมฟอร์มหลังก็ไม่น่าประทับใจนัก เลยถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ ว่าจะช่วยหรือฉุดให้ทีมแย่ลงกว่าเดิมกัน
จุดนี้เองน่าจะผลักดันใแมนฯยูไนเต็ด มีโอกาสไม่น้อยเลยจะพิชิตโทรฟี่แรก เป็นการเอกฤกษ์เอาชัยกันก่อน
มันเป็นความจริงว่า ถ้วยแรกมีความหมายอย่างมาก นอกจากเรื่องของความสำเร็จ ทำให้แฟนบอลแฮปปี้ถ้วนหน้า ยังเติมกำลังใจและความเชื่อมั่นให้พวกนักเตะได้ลุยกันต่ออีกในภารกิจที่เหลือ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แทบไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า แมนฯยูไนเต็ดจะวิ่งฉิวปลิวลมบนมาไกลขนาดนี้ หากมองย้อนไปที่ 2 เกมแรกของ เทนฮาก ซึ่งออกสตาร์ตได้อย่างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน
ฉะนั้นแข้งปีศาจแดงจึงไม่น่ากดดันเท่าไรนัก ตรงกันข้ามคงผ่อนคลายเบาสบาย จากการไม่ได้ถูกคาดหวังเยอะ
จุดเริ่มต้นจะเป็นเกมยูโรปาลีกเลกสองที่ต้องโค่นบารซ่าให้ได้ เพื่อยืนหยัดสถานะเดิม
จากนั้นเกมชิงดำชี้ขาดวันอาทิตย์ จะเป็นตัวจุดประกายได้หรือไม่ อีกไม่นานเราจะได้คำตอบกัน
ถ้าได้ฉลองที่เวมบลีย์ บอกเลยว่าภาพของ 4 แชมป์จะเริ่มฉายชัดยิ่งขึ้น ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้ออีกแล้ว
