ทีมชาติบราซิล ในศึกฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ผ่านพ้นไป 6 คู่ ไม่มีนัดไหนพลิกโผไปจากที่คาดกันไว้ล่วงหน้าเลย
บรรดาทีมเต็งต่างตบเท้าพรึ่บ ไปรอดวลกันต่อในควอเตอร์ไฟนั่ล ซึ่งมีหลายคู่ที่ยักษ์ใหญ่ต้องเผชิญหน้ากันเอง ปราศจากรองบ่อนมาให้เถือหรือกินคล่องคอกันง่ายๆ
อย่างไรก็ตามในกระบวนบิ๊กทีมที่ว่า บราซิลดูราศีจับต้องส่องประกายมากกว่าใคร สมกับที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งอย่างแท้จริง
ผลงานการถล่มเกาหลีใต้ 4-1 ขับให้แซมบ้าโดดเด่นสง่างามขึ้นอีกเพียบ ไม่ใช่แค่ยิงกระเจิงเท่านั้น แต่ฟอร์มของผู้เล่นแต่ละคนยังสะเด่าเร่าร้อนด้วย เล่นตามแบบฉบับของตน คงเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลง
มันตอกย้ำความเป็นวิถีของบราซิล ซึ่งต้องแสดงให้เห็นลีลาที่พลิ้วไหว ความสวยงามบนฟลอร์หญ้า ไม่ใช่แค่ว่ายึดผลการแข่งขันเป็นที่ตั้งอย่างเดียว
ว่ากันตามตรงแข้งบราซิล เล่นกันจริงจังตั้งใจแค่เพียง 45 นาทีแรกเท่านั้นเอง ก่อนจะทิ้งห่างขาดลอย 4-0 พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเกมมันจบลงแล้ว แทบไม่ต้องลุ้นอะไร
เกาหลีใต้แทบไม่มีรูคิดจะสู้เพื่อกลับมาได้เลย ทุกอย่างเข้าทางแผนของบราซิลที่วางเอาไว้ทั้งสิ้น
ยิ่งได้ประตูนำร่องเร็วมาก ตั้งแต่นาทีที่ 7 นั่นยังหมายถึงยังสร้างความปั่นป่วนให้ทัพโสมขาวด้วย หมากที่วางเอาไว้ อย่างน้อยต้องยันให้นานที่สุด พังคืนลงทันที จำต้องปรับกระบวนกันใหม่
สถานการณ์บีบให้แข้งเกาหลี ต้องเปิดเกมมากกว่าเดิม จะไปแพ็กแน่นไม่ได้ เมื่อบวกด้วยความลนลานตามประสาประสบการณ์บนเวทีใหญ่มีไม่มาก ทำให้เสียประตูที่สองในอีก 5 นาทีถัดมา
จากนั้นนำไปสู่ประตูที่ 3 และ 4 ซึ่งจังหวะการเข้าทำคือเครื่องหมายการค้าอย่างแท้จริง ไม่มีอะไรต้องน่ากังขาเลย
อาจจะจริงที่ว่าพวกเขาเจอคู่น็อกเอาท์ที่ไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อสักเท่าไรนัก ต้องยอมรับว่าคุณภาพของผู้เล่นเกาหลีใต้อย่างห่างอยู่พอสมควร แม้จะพยายามใช้จุดเด่นเรื่องพละกำลังมาวิ่งสู้ฟัด แต่แค่นี้ไม่เพียงพออยู่แล้ว
ทีมชาติบราซิล กับการนำทีมโดย ติเต้
อย่างไรก็ตาม ติเต้ อ่านทะลุปรุโปร่งว่า ไม่มีความจำเป็นต้องยิงอย่างบ้าคลั่งหรือบุกแหลกไม่ลืมหูลืมตา ครึ่งหลังจึงผ่อนคันเร่ง ไม่ได้เน้นเหมือนครึ่งแรก ยังไงเก็บพลังไว้ในรอบควอเตอร์ไฟนั่ลจะเวิร์คกว่า
เข้าใจว่าลูกทีมยังคันแข้ง อยากจะยิงกันอีก แต่ต้องคำนึงถึงอนาคตด้วย การเจอกับโครเอเชียรอบถัดไป ไม่ใช่งานง่ายเลยสักนิด แม้ตามหน้าเสื่อบราซิลยังข่มไม่ใช่น้อย
ติเต้ เข้าใจผู้เล่นทีมชุดนี้ดีและมีบารมีมากพอ ไม่ได้เกรงใจ เนย์มาร์ หรือดาวดังคนอื่นเลย พร้อมจะเปลี่ยนตัวออก หากมองว่านั่นคือความจำเป็นและทีมได้ประโยชน์
ในขณะเดียวกันยังทยอยส่งผู้เล่นที่ไม่เคยได้สัมผัสเกม ลงกันอย่างครบถ้วนกระบวนความ นี่คือโอกาสดีอย่างมาก เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าแมตช์ต่อไปจะยิงขาดตั้งแต่ครึ่งแรกหรือเปล่า
เห็นได้ชัดว่ากุนซือวัย 61 ปี ให้ความสำคัญกับเรื่องความสามัคคีกลมเกลียวแน่นเหนียวภายในทีมอย่างมาก เพราะบรรยากาศในห้องแต่งตัวหรือสนามซ้อม สามารถสะท้อนได้เมื่อต้องลงเล่นเกมจริง
ดังนั้นการส่งนักเตะลงกันให้ครบ ถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง เพื่อรักษาสิ่งนี้เอาไว้ ทีมสปิริตนี่แหล่ะจะเป็นตัวแปรผลักดันให้ไปถึงเป้าหมาย
บทความที่เกี่ยวข้อง สิ้นสุด 20 ปีที่รอคอยของ ทีมชาติบราซิล?
Teamwork คือกุญแจสู้ประตูชัย
ว่ากันว่าบรรยากาศในทีมบราซิลยอดเยี่ยมอย่างมาก นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ ติเต้ เลือกเอา ดานี่ อัลเวส มาไว้ในทีมด้วย
ในวัย 39 ปี แบ็กขวารุ่นเดอะน่าจะอยู่ในช่วงขาลงอย่างเต็มตัวแล้ว ควรจะปลดระวางจากทีมชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาแทนบ้าง
อย่างไรก็ตาม ติเต้ มีเหตุผลส่วนตัว เพราะมองว่า อัลเวส เป็นเหมือนพี่ใหญ่ในหมู่นักเตะและเป็นตัวแทนของตน เวลาที่ต้องอยู่กับน้องๆ ทุกคนต่างยอมรับนับถืออย่างดี
เอาแบบให้เข้าใจง่ายก็คือ ต้องการดึงมาเพื่อทำให้บรรยากาศในทีมและห้องแต่งตัวสดใส ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมจิตใจเพื่อนๆ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ความผิดหวังเมื่อ 4 ปีก่อนและศึกโกปา อเมริกาที่แพ้อาร์เจนตินาคาบ้านในเกมนัดชิง ช่วยหลอมให้ ติเต้ เข้าถึงรายละเอียดอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
นั่นเราจึงได้เห็นเขาออกมาเต้นกับลูกทีมที่ข้างสนามด้วย เมื่อทาง ริชาร์ลิซอน ส่องประตูที่ 3 ได้อย่างสวยงาม จนกลายเป็นเหตุการณ์ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้อย่างมาก
ปกติแล้ว ติเต้ จะมีบุคลิกเงียบขรึม สีหน้านิ่งเฉยไม่ค่อยแสดงอาการ ฉะนั้นช็อตแดนซ์กับเด็กๆ จึงได้ใจไปเต็ม
ติเต้ ดีใจกับลูกทีม
จะเห็นได้ว่า 4 ประตูที่แข้งบราซิลร่วมใจกันซัลโวได้ ทุกคนต่างพร้อมเต้นกันตามสไตล์ นั่นเป็นตัวตนของชาวบราซิเลี่ยน ซึ่งมีดนตรีและลีลาเต้นในสายเลือด โดยเฉพาะเวลาที่มีความสุข จะต้องแสดงออกเลย
แม้ว่า รอย คีน ซึ่งทำหน้าที่ผู้สันทัดกรณี จะแสดงความเห็นในช่วงพักครึ่งว่า ทำอย่างนี้มันเสียมารยาท ลำพังแค่เต้นตอนยิงประตูแรกได้ก็น่าจะเพียงพอ นี่อะไรกันเต้นกันหมดทั้ง 4 ประตู ดูไม่ค่อยให้เกียรติเกาหลีใต้เลย
แต่ คีน ก็ต้องทำความเข้าใจว่า นักเตะบราซิลยุคใหม่เป็นอย่างนี้ รวมทั้งแสดงออกท่าเต้น ซึ่งบางทีอาจชวนหมั่นไส้เป็นปกติอยู่แล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องเจอเสียงวิจารณ์ แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไร ตราบเท่าที่การเต้นยังเป็นเหมือนกระจกส่องให้เห็นถึงความสุข
ยิงประตูแล้วแดนซ์กันต่อไปและหากคว้าแชมป์สมัย 6 ได้จริง คงจะได้สับขาโชว์ลีลาโยกย้ายสะโพกกันมากกว่านี้อีก