ซาฮา กลับมาแมนฯยูไนเต็ด..ฝันไปเถอะ ซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ มีผู้เล่นชั้นนำหลายคนที่จะมีสถานะเป็นฟรีเอเจ้นท์หรือสามารถย้ายแบบฟรีๆ ไม่ต้องมีค่าตัวได้เลย
หนึ่งในนั้นคือ วิลฟรีด ซาฮาดาวดังของคริสตัล พาเลซ ซึ่งปัจจุบันรับค่าจ้างสูงสุดของสโมสรราว 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
แม้จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บมารบกวนบ้างประปราย แต่ยอมรับเลยว่าเท่าที่ผ่านเขามีบทบาทสำคัญกับสโมสรอย่างมาก ด้วยลีลาที่หวือหวา สามารถทำในสิ่งที่ใครไม่คาดคิด แม้บางครั้งจะไม่ค่อยมีมาตรฐานสักเท่าไรก็ตาม
กระนั้นเชื่อว่า ซาฮาจะกลายเป็นแข้งเนื้อหอม โดนรุมตอมแน่นอน เพราะของฟรีมีคุณภาพ ใครบ้างไม่อยากได้
ไม่นานมานี้ พอล เมอร์สัน อดีตกองหน้าที่ผันมารับบทกูรู แสดงความเห็นไว้ในเชิงว่า แมนฯยูไนเต็ดน่าจะไปดึง ซาฮา มาแบบไม่ต้องควักค่าตัว คงจะช่วยได้เยอะเลย
ทั้งความสามารถและประสบการณ์จะเป็นประโยชน์กับพวกกลุ่มแข้งดาวรุ่งที่มีอยู่ในทีมเวลานี้
ฟังดูก็พอมีเหตุผลบ้างหรอก แต่โอกาสจะเกิดขึ้นแทบจะเป็นศูนย์เลย พฤศจิกายนที่จะถึง ซาฮา จะอายุครบ 31 ปีแล้ว นับว่าไม่ใช่น้อยเลย
แล้วยังเป็นแข้งประเภทใช้ร่างกายเปลืองอีกต่างหาก ดังนั้นพออายุอานามไปลามไปมากเข้า ก็จะเกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าจะฟอร์มหรือเรื่องของร่างกาย
แต่จากคำแนะนำของ เมอร์สัน อะไรไม่หนักหนาเท่าผมอดีตหรอก ซาฮามีแผลกับแมนฯยูไนเต็ดมานานแล้ว เชื่อว่าถึงตอนนี้ยังไม่สมานสนิทเหมือนเดิมด้วยซ้ำไป
ย้อนรอยประวัติ วิลฟรีด ซาฮา ช่วงอยู่แมนยู ในยุคเฟอกี้
แผลอะไรหรือ? หลายคนคงพอจำได้แหล่ะ แต่หากลืมเลือนไปบ้าง เราก็จะขุดย้อนให้ฟังกัน…
ชื่อของ ซาฮามาปังเอาตอนมกราคม 2013 เมื่อยืนยันย้ายมาแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะปล่อยให้คริสตัล พาเลซต้นสังกัดเดิมยืมตัวจนจบฤดูกาล
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือปีศาจแดงตั้งใจจะนำแข้งดาวรุ่งรายนี้มาปลุกปั้น เพราะมีสไตล์การเล่นที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งเร็วและแกร่ง เป็นปีกขวายุคใหม่ที่ไม่ใช่ต้องคอยยืนชิดริมเส้นอย่างเดียว สามารถหุบมาข้างในคอยช่วยปิดสกอร์ได้
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเป็นผลงานการซื้อครั้งสุดท้ายของ เดวิด กิลล์ ซีอีโอของแมนฯยูไนเต็ด
อีกกี่วันถัดมาคือในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ กิลล์ ก็ตัดสินใจลงจากเก้าอี้หัวหน้าผู้บริหาร เปิดทางให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก้าวขึ้นมาแทน
เช่นเดียวกัน ซาฮาเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ เฟอร์กี้ คว้ามาร่วมทีม เพราะในซัมเมอร์ 2013 ก็ประกาศรีไทร์จากผู้จัดการทีม
เขากลายเป็นแข้งที่โดดเดี่ยว จับต้นชนปลายไม่ถูกกกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของแมนฯยูไนเต็ด
หนึ่งเหตุผลที่ทำให้ยอมเซ็นสัญญากับปีศาจแดง เพราะมี เฟอร์กี้ เป็นแม่เหล็กสำคัญ เชื่อมั่นในตัวบอสว่าจะช่วยผลักดันให้เฟื่องอย่างแน่นอน
แต่เมื่อไม่มีใครคอยค้ำยันให้ มันก็ถึงเวลาที่เขาต้องจัดการตัวเอง แทบไม่มีทางออกอื่นดีกว่านี้เลย
เริ่มแรกเขาได้คุยกับ เดวิด มอยส์ เจ้านายคนใหม่ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรนัก หลายอย่างราบรื่นดี ไร้สัญญาณเตือนว่าจะมีความขัดแย้งหรือเรื่องเลวร้ายตามมา
ซาฮาได้ลงทำศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ เจอกับวีแกน แอธเลติก มีชื่อเป็น 11 คนแรก เหมือนเป็นสัญญาณเตือนที่ดี
อย่างไรก็ตามจู่ๆชื่อเขาก็หายไปจากทีมดื้อๆ ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาอาการบาดเจ็บอะไรเลย สภาพร่างกายและความฟิตปกติทุกอย่าง พร้อมลงเล่นอยู่เสมอ
ด้วยความงงงวยสงสัยว่าเกิดอะไร ซาฮาย้ายคาร์ดิฟฟ์แบบยืมตัวครึ่งซีซั่นที่เหลือ ในวันสุดท้ายก่อนเดดไลน์
หลังจากนั้นกลับมาแมนฯยูไนเต็ดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการมาของ หลุยส์ ฟานกัล ผู้จัดการทีมคนใหม่ ก็อยู่ในสถานการณ์ไม่แตกต่างกันนัก บอกเลยว่าให้ไปหาทีมใหม่ซะ
ดังนั้นเขาจึงหวนคืนสู่อ้อมกอดพาเลซอีกครั้ง เป็นการยืมตัวระยะเวลาหนึ่งฤดูกาลด้วยกัน
นั่นคือปมแรกที่ไม่น่าจดจำของเขากับปีศาจแดง แต่มันยังมีอีกปม ที่ไม่อยากจำแต่ก็ลืมไม่ลงเลย
เขาไม่รู้จริงๆว่า ทำไม เดวิด มอยส์ จึงไม่ยอมใช้งานเลย โดยที่จับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่มีข่าวลือบางอย่างที่นำไปสู่การโยงเป็นเรื่องเล่า
ตอนที่เขาโดนดร็อปแบบลืมตาย มีก็อสซิปประมาณว่า ลอเรน มอยส์ ลูกสาวของ เดวิด มอยส์ มีความพันธ์ลึกซึ้งกับเขา
ไม่มีใครคอยช่วยเหลือให้กำลังใจเลย มันถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ไม่เปิดโอกาสพูดจาเคลียร์ทำความเข้าใจกัน
แล้วพอทวิตข้อความว่า “ข่าวลือช่างงี่เงา” กลับโดนเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสโมสรตักเตือนว่าให้ลบข้อความนั้นซะ
มันย่อมทำให้รู้สึกว่า เขาไม่มีใครให้คอยยึดเหนี่ยว ยิงพอไร้ เฟอร์กี้ ด้วยแล้ว สถานการณ์ก็เลยเป็นแบบที่เห็น
ทำไมเจ้านายไม่ยอมมาคุยดีๆ หมางเมินเชิดใส่ เหมือนมีอะไรอยู่ภายใน แล้วไม่อธิบาย
เขายืนกรานหัวเด็ดตีนขาดว่าไม่รู้จัก ลอเรน เป็นการส่วนตัวเลย ไม่เคยแม้กระทั่งเจอหน้าหรือพูดคุย ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้เกิดขึ้นจากใคร
จนถึงตอนนี้เรื่องดังกล่าว ยังคงเป็นปริศนาที่หาคำตอบไม่เจอว่าเท็จจริงอย่างไรกัน
แต่ที่แน่ๆ แทบไม่มีทางเลยที่ ซาฮาจะกลับมาแมนฯยูไนเต็ดอีกรอบ ไม่ว่ามองเหลี่ยมมุมไหนก็ตาม
