หลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกมาเขย่าวงการครั้งใหญ่ ทั้งอัดหนักและแฉเรื่องราวภายในของแมนฯยูไนเต็ด ผ่านพิธีกรดังอย่าง เพียร์ส มอร์แกน กระแสฟุตบอลโลกที่ควรมาแรง ก็ถูกกลบอย่างที่เห็นกัน
มันเป็นเหมือนการที่คุณ เปิดประตูขึ้นรถสิบล้อพ่วง แล้วเข้าเกียร์ห้า กระทืบคันเร่งแบบมิดด้าม จากนั้นพุ่งชนเป้าหมายโดยไม่มีเบรกหรือผ่อนเลย
นั่นแหล่ะคือเคสของ โรนัลโด้ ที่เพิ่งเกิดขึ้น
มันเหมือนว่าทุกอย่างถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้ว ต้องไม่ลืมว่า มอร์แกน มีความสนิทแนบแน่นกับ โรนัลโด้ อย่างมากเลย เพราะตัวเขายกย่องซูเปอร์สตาร์คนนี้ เหมือนไอดอลคนหนึ่ง ยกย่องเทิดทูนอย่างออกนอกหน้า
แค่ตัวอย่างรายการ ทำสะดุ้งทั้งโลก
ทั้งที่ความจริงยิ่งกว่าเลยก็คือ มอร์แกน คือแฟนพันธุ์แท้ของอาร์เซน่อล ย่อมเกลียดแมนฯยูไนเต็ดแบบเข้าไส้ รวมถึงชอบจิกกัด เดวิด เบ็คแฮม อยู่เป็นประจำ ในทำนองว่า เทียบกับ โรนัลโด้ แล้วแทบจะคนละชั้นเลย
ก่อนที่ มอร์แกน จะออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มว่า โรนัลโด้ เป็นฝ่ายที่ขอร้องมาออกรายการ Piers Morgan Uncensored เองต่างหาก ไม่ใช่เป็นฝ่ายถูกเชิญมาเหมือนเคสทั่วไป
โรนัลโด้ เองรู้เหมือนกันว่า มอร์แกน คือพิธีกรและบุคคลที่มีพาวเวอร์ในวงการสื่ออย่างมาก มีผู้คนติดตามหลายสิบล้าน ขยับทำอะไรหรือพูดบางอย่าง มักได้รับความสนใจเสมอ
ฉะนั้นนี่แหล่ะ จะช่วยเป็นสะพานเชื่อมให้ทุกคนได้รับรู้ในสิ่งที่ โรนัลโด้ อยากจะบอกออกไป มันดีกว่าใช้โซเชี่ยลของตัวเองเป็นเครื่องมือ ซึ่งดูแล้วอาจไม่มีน้ำหนักมากนัก เหมือนฟังความข้างเดียว
แค่เทรลเลอร์หรือคลิปที่ตัดช็อตน่าสนใจ ออกมาประโคมโหมโปรโมตก่อน ก็ทำให้ทุกคนอดใจรอไม่ไหว อยากดูตัวเต็มๆ ซึ่งจะออกอากาศในวันพุธและพฤหัสบดี เพราะมันเผ็ดร้อนเหลือเกิน
เอาแค่ประโยคที่บอกว่า ไม่เคยเคารพนับถือ เอริก เทนฮาก ผู้จัดการทีม เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเคารพตน แค่นี้ก็เรียกเรตติ้งได้กระจุยแล้ว
ทุกคนอยากรู้ว่า เบื้องลึกที่ทำให้ โรนัลโด้ เชื่อว่าไม่ได้รับความเคารพจากคนเป็นบอสคืออะไรกันแน่ ทั้งที่ฟังจากปากคำให้สัมภาษณ์ต่างๆ กุนซือดัตช์ก็พูดดีมาตลอด ไม่เคยพาดพิงให้ร้ายเลย
ความหวังดีหรือแค่อิจฉา
ในขณะเดียวกันยังสวนกลับ เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนร่วมทีม ซึ่งมักแสดงความเห็นวิจารณ์ตนในเชิงลบอีกต่างหาก อย่างเช่นให้ก้มหน้าก้มตาเล่นไป ทำตามที่เจ้านายสั่ง ไม่ควรไปงัดข้อด้วย
สิ่งที่ รูนี่ย์ เตือนน่าจะมาจากความหวังดี ตามประสาเพื่อนฝูง เคยร่วมงานกันไล่ล่าความสำเร็จมากมาย
แต่ โรนัลโด้ ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องง่ายๆหรอก ทุกคนที่ตำหนิเขาผ่านสื่อ ต้องเจอดีเหมือนกัน
นั่นเลยเป็นที่มาของประโยคว่า รูนี่ย์ คงเห็นว่าตน ซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ยังเล่นฟุตบอลระดับสูงได้ รวมทั้งมีภาพลักษณ์ที่ดูดีกว่าเยอะ พูดให้ง่ายหน่อยก็คือ ทั้งหล่อกว่า หุ่นดีกว่า มีซิคแพ็กเพียบ ไม่ได้ปล่อยตัวอ้วนฉุ แถมดูแก่กว่าอายุแล้วกัน
หรือถ้าจะให้เดาอารมณ์ของ โรนัลโด้ คงอยากจะบอกไปว่า ที่แกวิจารณ์ฉันนี่ เพราะอิจฉาใช่หรือเปล่า? จึงอยากจะจี้ใจดำเอาคืนบ้าง
ก่อนหน้านี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็เคยเจอเช่นเดียวกัน โทษฐานชอบตำหนิติเตียนตลอดเวลา เวลาเจอหน้ากันก็เลยเมินไม่สนใจ แม้กระทั่งจะทักทายตามมารยาท
ภายหลัง แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งเคยปกป้อง โรนัลโด้ เสมอมา ตามประสาพี่น้องโตมาในทีมเดียวกัน กอดคอฝ่าฟันอุปสรรคสารพัด ขึ้นแท่นรับแชมป์ร่วมกัน ฉลองความสำเร็จนับครั้งไม่ถ้วน ก็เริ่มเอนเอียงไม่เห็นด้วยนัก
เรื่องที่ทำให้ แกรี่ รู้สึกแย่ก็คือ เกมแมนฯยูไนเต็ดปะทะสเปอร์ส ช่วงท้ายเกม เทนฮาก สั่งให้ โรนัลโด้ ถอดเสื้อวอร์ม เตรียมจะส่งลงเล่น เหมือนเป็นการเอานักเตะที่ร่างกายยังสดเติมลงไป รวมทั้งถ่วงเวลาไปในตัว
แต่กลับได้รับคำปฏิเสธกลับมา พร้อมทั้งไม่สนใจใยดีจะอยู่จนเกมจบเพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมทีม เผ่นแนบเข้าห้องแต่งตัว เก็บข้าวของกลับบ้านเลย นี่แหล่ะที่ แกรี่ รับไม่ได้
บทบาทของ โรนัลโด้ คือแข้งอาชีพ ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม นั่นคือหัวใจสำคัญของฟุตบอล แต่เขากลับไม่แคร์ใครเลย เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เหมือนจุดศูนย์กลางที่ทุกคนต้องมารายล้อม
แกรี่ ก็เลยจัดหนักเข้าให้ ต่างไปจาก รอย คีน ที่ยังดึงดันเข้าข้าง โรนัลโด้ ต่อไป หาเหตุผลมากมายมาโอบอุ้ม แม้ในบางครั้งน้ำหนักความน่าเชื่อถือ แทบไม่มีเลยก็ตาม
จนเมื่อเจอหน้ากัน โรนัลโด้ ก็ไม่ทักทาย แกรี่ เลยสักคำเดียว เลี่ยงมองไม่เห็น แต่กลับจับมือคนอื่น เช่นนี้ก็รู้แล้วว่าไม่พอใจที่โดนวิจารณ์ ยอมรับสิ่งที่คนอื่นแสดงความเห็นถึงตัวเองไม่ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ผู้แพ้สมบูรณ์แบบ?
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แฉสโมสรแบบหมดเปลือก
ในขณะเดียวกัน มีบางส่วนของเนื้อหาการสัมภาษณ์ครั้งนี้ที่เขาออกมาโจมตีสโมสร อย่างเช่น สะว่ายน้ำ อ่างจากุชชี่ เทคโนโลยีต่างๆหรือเชฟคนเดิมที่เคยเห็นตั้งแต่อยู่กับแมนฯยูไนเต็ดช่วงแรก ยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ผมเห็นสิ่งเหล่านี้ ตอนอายุ 21 , 22 , 23 มาในวันนี้ก็ยังคงเห็นเหมือนเดิม”
ประโยคนี้แฟนบอลส่วนใหญ่เห็นด้วย พร้อมสนับสนุนให้ โรนัลโด้ ออกมาพูดเลย เผื่อกระตุกให้ฝ่ายบริหารรู้สึกบ้าง ไม่อย่างนั้นก็เพิกเฉยไม่ลงทุน เข้าใจว่าเป็นมาตั้งแต่สมัย เอ็ด วู้ดเวิร์ด มีอำนาจ นั่งเก้าอี้ซีอีโอแล้ว
โรนัลโด้ คงอดทนอดกลั้นมาพอสมควร เหมือนสโมสรทำงานกันแบบฉาบฉวย ไม่ได้มีกลยุทธหรือการวางแผนงาน เพื่อนำทีมไปสู่ความสำเร็จเลย เสียอารมณ์มากที่ย้ายกลับมา
งานนี้คล้ายว่าเขาตั้งใจโดยเฉพาะ กะเกณฑ์เวลาไว้อย่างดี เพราะตอนที่เทรลเลอร์หรือซีนตัวอย่างเผยแพร่ต่อสาธารณะ
มีข่าวว่า โรนัลโด้ เก็บของใช้ในล็อกเกอร์ส่วนตัวเอาไปเกือบหมดแล้ว โผล่แคมป์เก็บตัวของทีมชาติโปรตุเกสเรียบร้อย เตรียมพร้อมลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของตน
ดูแล้วคงไม่หันหลังกลับมาอีกแน่ๆ
