การเดินทางสู่นัดสุดท้ายของ เมสซี่

ในที่สุด ลิโอเนล เมสซี่ ก็สามารถนำ ทีมชาติอาร์เจนตินา หักด่านผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกหนนี้ได้สำเร็จ

เกมรอบรองชนะเลิศ กับโครเอเชีย ซึ่งกูรูทั้งหลายและแฟนบอล มากมายที่คาดว่าจะสู้กันสุดสูสี รับรองได้เห็นดราม่าบังเกิด อย่างแน่นอน เผลอๆลากยาวกันจนพิพากษาด้วยจุดโทษ

ปรากฏว่าผิดไปจากที่คิดกันไว้เยอะ อาร์เจนตินาถล่มรองแชมป์เก่า 3-0 ไม่ต้องลุ้นตื่นเต้นอะไร ดูแล้วช่างง่ายดายเหลือเกิน

พอเกมจบไม่นานนักเมสซี่เดินสีหน้าเรียบเฉยมาให้สัมภาษณ์กับทางบีอิน สปอร์ตส์ เกี่ยวกับความรู้สึกล่าสุด

เขาเปิดใจพูดตามตรงว่า ปลาบปลื้มกับการนำทีมเดินทางมาถึง เกมนัดสุดท้ายของทัวร์นาเม้นต์ ซึ่งก็หมายถึงนัดชิงนั่นแหล่ะ ในแง่ความสำเร็จถือว่าได้รับมาแล้วส่วนหนึ่ง เพียงแต่ภารกิจยังไม่จบเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังรู้สึกมีความสุขและสนุก ไปกับเวิลด์คัพฉบับตะวันออกกลางอย่างยิ่ง มาที่นี่เพื่อตักตวงกอบโกย ให้มากที่สุด พร้อมทั้งเชื่อมั่นในทีมขบวนนี้ ไม่มีอะไรต้องกังขาน่าสงสัย

เมสซี่คงอยากจะบอกว่า ที่ผ่านมาเล่นด้วยความปลอดโปร่ง สบายใจมากๆ โดยเฉพาะเมื่อผ่านนัดแรกมาได้ สถานการณ์เป็นไปตามแผน ที่วางเอาไว้เลย

ทัพฟ้าขาวต้องการแชมป์เท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ทุกคนต่างเฝ้าฝัน ถึงการได้ฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่กำลังคืบคลานเข้ามา

นัดแรกเจอซาอุ เมสซี่ เข็นตัวเองไม่ขึ้น

หากย้อนไปในเกมประเดิม ซึ่งอาร์เจนตินาขี่อยู่หลายช่วงตัว คงจะเคี้ยวแบบขนมกรุบคว้า 3 แต้มเอาฤกษ์เอาชัย แต่แล้วกลับโดนซาอุดิอาระเบียเหยียบจมูก จนเสียศูนย์และเสียหน้า

ใครที่เคยฟันธงว่าฟ้าขาว จะมาประกาศศักดา ก็เริ่มไขว้เขวแล้ว แค่เกมแรกเอง แต่เล่นกันย่ำแย่ ยิ่งครึ่งหลังด้วยแล้ว มองไม่เห็นแววของทีมเต็งเบอร์ใหญ่สักนิด

จากนั้นความกดดันและตึงเครียด ก็แผ่ปกคลุมทัพอาร์เจนตินา บรรยากาศอึมครึมมากขึ้น นัดต่อไปกับเม็กซิโก ห้ามพลาดอีกเด็ดขาด มีโอกาสแก้ตัวได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

เมสซี่ และพรรคพวกเล่นได้ไม่น่าประทับใจก็จริง แต่เอาตัวรอดได้จวนเจียน 3 คะแนนนั้นมันล้ำค่ามาก ก่อนจะช่วยต่อยอดในเกมถัดมา

ถ้าหากสุภาษิต “เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” มันเข้มขลังจริง อย่างที่ชอบพูดกัน เคสนี้คงต้องข้อยกเว้นสำหรับอาร์เจนตินา

เพราะพวกเขาออกสตาร์ตติดลบ แทบปิดโอกาสของตัวเอง แต่กลับนำความผิดพลาด ดังกล่าวมาเป็นบทเรียน สรุปไว้ในใจ แล้วรวมพลังช่วยกันแก้ไข ก่อนจะกลายเป็นอย่างที่เห็น

ลิโอเนล สกาโลนี่ กุนซือวัยหนุ่ม สมควรได้รับเครดิตไม่น้อยเลย เมื่อเห็นข้อบกพร่อง ก็ไม่ดื้อดานฝืนใช้งานนักเตะที่สอบตก จากเกมแรกอีกต่อไป ปรับแผนใหม่ลุยทันที

กองกลางอย่าง เลอันโดร ปาเรเดส หรือ ปาปู โกเมซ หลุดไปนั่งสำรอง ส่วนพวกตัวรุกที่ไม่อาจไว้วางใจได้เหมือนในยามปกติ ก็ต้องหลีกทางให้คนใหม่ก้าวขึ้นมา

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ แม้จะไร้ประสบการณ์ แต่กลับมีจิตใจห้าวหาญ เยือกเย็น พร้อมเผชิญหน้ากับทุกคน ไม่เกรงกลัวความกดดัน สมควรอย่างมากจะได้แทน เลาตาโร่ มาร์ตีเนซ ซึ่งดร็อปลงไปน่าใจหาย

มิดฟลด์ดาวรุ่งอย่าง เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เล่นเหมือนเป็นผู้ใหญ่วัย 30 ที่กร้านโลก นอกจากนั้นยังวิ่งพล่าน ทำงานหนักไม่หยุดอีก

รวมทั้งพวกอันซังฮีโร่หรือประเภท ทองหลังพระคือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ได้รับความไว้วางใจ ก่อนไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง

ใครที่เคยสงสัยว่า สกาโลนี่ เก่งจริงหรือว่าอาศัยบารมีของเมสซี่คงได้รับคำตอบแล้ว

อย่างน้อยเขามีอำนาจและอิทธิพลมากพอ ไม่ได้หวั่นเกรงหากต้องเปลี่ยน ผู้เล่นแกนหลักบางคน ยกเว้นแค่ต้องให้เมสซี่ เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเรื่องนี้ กุนซือทั้งหลายต่างรู้ดี

บทความที่เกี่ยวข้อง
เส้นทางอันขรุขระของ ทีมสิงโตคำราม

การเดินทางของกัปตัน ทีมชาติอาเจนติน่า ในวัย 35

อีกครั้งเมื่อย้อนไป ยังเกมแรกเมสซี่ ดูเล่นแบบเฉื่อยชามากๆ โดนวิจารณ์ว่าเดินเล่นสบายใจ มากกว่าออกแรงวิ่ง เพื่อกดดันเพรสซิ่งคู่แข่ง จนมีเสียงพูดถึงว่า น่าจะมาเป็นตัวถ่วงหรือภาระทีมมากกว่า

แต่การเดินของเมสซี่มันหมายถึงสมาธิและสายตา ที่คอยสังเกตฝ่ายตรงข้ามไปด้วย เหมือนราชสีห์ที่แกล้งทำหงอยๆ แล้วค่อยตะปบกรงเล็บเล่นงานเหยื่อนั่นแหล่ะ

ในวัย 35 ปี เขาจำเป็นต้องเซฟ พลังงานไว้ จะเอามาใช้อย่างฟุ่มเฟือยไม่ได้ อย่างน้อยเก็บไว้ตอนสปรินท์ฉีก แนวรับหรือไม่ก็ใช้โยกคลึงส่ายสะโพกหลอกล่อคู่แข่ง

น่าสนใจก็คือเมสซี่ไม่ได้แคร์เลยว่า ตัวเองจะต้องทำลายสถิติอะไรบ้าง เดินทางมาด้วยเป้าหมาย ชัดเจนมากๆ นั่นคือเล่นเพื่อทีม

ดังนั้นสถิติ 4 แอสซิสต์ในทัวร์นาเม้นต์ มันการันตีถึงความยอดเยี่ยมแล้ว นอกเหนือไปจากยิงประตู

อีกทั้งดูเหมือนว่า ยามที่ได้จุดโทษเขาจะเน้นมากเป็นพิเศษ เพ่งสมาธิยิงให้แม่นยำเฉียบขาด ไม่มีประมาทเลินเล่อให้เห็นเลย

เบื้องหลังสำคัญที่คอยผลักดันก็คือ ทีมชุดนี้มีความสามัคคีกลมเกลียว แน่นเหนียวกันมากๆ แล้วนักเตะทุกคนมุ่งมั่นพร้อม ทำเพื่อลูกพี่ของพวกเขา

ต่างรู้ดีกันว่าฟุตบอลโลกเป็นแชมป์เดียว ที่เมสซี่ถวิลหาอย่างมาก เคยบอบช้ำมาหลายครั้ง โดยเฉพาะในปี 2014 ที่พ่ายให้เยอรมัน

ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาส และช่วงเวลาดีมากๆ สำหรับเขาที่จะบันทึกประวัติศาสตร์ โดยเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเอง

แฟนบอลทั้งโลกคงอดตื่นเต้น แทนเมสซี่ไม่ได้แน่ๆ แม้คุณจะไม่ได้เชียร์อาร์เจนตินา หรือชอบเขาสักเท่าไร แต่พอเห็นเส้นทา งและชะตาที่ถูกขีดไว้

การได้เห็นเมสซี่ชูโทรฟี่แชมป์โลก คงเป็นสิ่งที่สุดแสนพิเศษเลยก็ได้