มี 2 เหตุการณ์สำคัญในโลกฟุตบอลเกิดขึ้นในวันเดียวกันและเป็น 2 แข้งซูเปอร์สตาร์ของโลกปัจจุบัน นั่นคือ เมสซี่และพี่โด้
เริ่มจาก ลิโอเนล เมสซี่ นำทัพอาร์เจนตินาลงเปิดหัวในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม โดยที่เชื่อกันว่าคงจะเป็นฝ่ายไล่ต้อนซาอุดิอาระเบียแบบซ้อมใหญ่อย่างแน่นอน
พวกเขามากาตาร์ในฐานะเต็ง 2 เรตติ้งใกล้เคียงบราซิลอย่างมาก สูสีสุดๆจนแทบจะดูไม่ออก โดยที่แฟนบอลไม่น้อยเทใจให้ฟ้าขาวด้วยซ้ำ ด้วยเหตุอยากเห็น เมสซี่ สไลด์ลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นี่จะเป็นเวิลด์ คัพหนสุดท้ายของเขาแล้ว แย้มๆไว้บ้างไม่นานมานี้ เหลือเพียงแค่คอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ
บนวัย 35 กะรัต เมสซี่ คงไม่ต้องการทู่ซี้เล่นอีกต่อไป มันอาจจะน่าผิดหวังและเสียความรู้สึกมากๆ หากในวันหนึ่งเขาฝืนลงสนาม แล้วกลายเป็นแค่แข้งแก่หมดสภาพ ที่เด็กรุ่นหลังไม่ได้ยำเกรง
เป้าหมายของ เมสซี่ คือการอำลาอาชีพค้าแข้งในช่วงที่ยังยิ่งใหญ่เป็นที่ยอมรับ หากเป็นไปตามแผน ก็น่าจะอยู่ในขั้นนับถอยหลังกันได้เลย
เขาได้มาทุกแชมป์แล้วในระดับสโมสร ไม่จำเป็นต้องโหยหาอะไรอีก ถ้าทำความเข้าใจเรื่องพอประมาณ ไม่ได้โลภจนต้องกวาดเอาทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง คิดนี้ได้จริง ชีวิตมันก็อาจง่าย
แล้วดู เมสซี่ จะเป็นอย่างนั้น ไม่ค่อยฟูมฟายหรือแสดงออกว่า ต้องเป็นฝ่ายชนะตลอดไป ยอมรับได้เสมอเมื่อต้องตกไปเป็นที่สองหรือผู้แพ้
แต่ปมเรื่องนี้ของเขาอยู่ที่ทีมชาติมากกว่า เคยได้แค่แชมป์โอลิมปิกเกมส์ฟุตบอลชาย คว้าเหรียญทองมาคล้องคอ บอกเลยว่ามันไม่สุดหรอก เพียงแค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้นเอง
โกปา อเมริกาผ่านเข้าชิง จวนเจียนจะได้ก็พลาดหลุดมืออีก ผิดหวังชอกช้ำมากๆ เห็นจะเป็นการพ่ายจุดโทษชิลี จนอยากจะรีไทร์การรับใช้อาร์เจนตินาให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย
เมสซี่ ต้องเว้นวรรคหลบไปเลียบาดแผลสักพัก ก่อนจะหวนกลับมาติดธงอีกรอบ เมื่อสภาพจิตใจพร้อมจริง ก่อนจะมาได้รางวัลจากโกปา อเมริกาเมื่อกลางปีที่แล้ว พอจะชดเชยได้บ้าง
เป้าใหญ่สุดๆ ก่อนจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งคือฟุตบอลโลก 2022 ต้องแชมป์สถานเดียวเท่านั้น เพื่อให้ลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทั้งรอยยิ้มและความสำเร็จ นอนตายตาหลับ ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป
นัดแห่งความน่าอดสู ของ เมสซี่
แต่แค่นัดแรกก็แทบแทรกแผ่นดินหนี เสียท่าให้ซาอุดิอาระเบียอย่างไม่น่าเชื่อ 1-2 แถมเป็นความปราชัยที่ต้องพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าสมควรอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรต้องมาแก้ตัวกันเลย
ใครได้ดูเกมนี้ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ใช่ เมสซี่ คนเดียวที่เล่นผิดหูผิดตา ไม่เหมือนที่คุ้นเคย แต่แทบทุกคนในทัพฟ้าขาว ต่างก็หลุดกันหมด ไม่อยู่กับร่องกับรอยกันเลย
ในฐานะกัปตันทีม เมสซี่ ต้องรับผิดชอบมากกว่าใคร ในกระบวนนักเตะด้วยกัน เป็นรองเพียงแค่ ลิโอเนล สกาโลนี่ กุนซือเท่านั้นเอง
หลังจบเกมเขาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่พอจะมองแววตาออก บ่งบอกถึงความผิดหวัง ไม่คิดว่าเกมประเดิมทัวร์นาเม้นต์ผลออกมาช่างน่าหดหู้เหลือเกิน
แต่ในอีกด้านต้องชมซาอุฯว่าทำการบ้านมาดีมาก ผ่านการเตรียมพร้อมอย่างตกผลึกข้นคลั่ก เล่นอย่างปราศจากความกลัว ไม่หวั่นไหวอะไรเลย ต้องให้เครดิตผู้เล่นทุกคน
รวมถึงแผนของ แอร์กเว่ เรนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ซึ่งเพรสซิ่งตั้งแต่แดนหน้า หนักหน่วงดุดันไม่มียุบ บวกด้วยสกิลของนักเตะที่ไม่มีใครคาดคิด เลยพิชิตยักษ์ใหญ่อย่างที่เห็น
จากนี้อีก 2 เกมในกรุ๊ปสเตท ซึ่งเจอทั้งเม็กซิโกและโปแลนด์ หมายถึงโอกาสสุดท้ายแล้ว ไม่มีข้อแก้ตัวอีก ต้องชนะทั้งสองนัดเพื่อการันตีการเข้ารอบ นั่นแหล่ะคือชอยส์เดียวที่มีอยู่
คอยดูกันว่าดาวเตะที่โลกลูกหนังยกย่องยอมรับนับถือ จะอำลาค้าแข้งในนามทีมชาติแบบไหนกัน ชวนน่าติดตามเลยจริงๆ
บทความที่เกี่บวข้อง การกลับมาของ ทีมชาติอังกฤษ และ แกเร็ท เซาท์เกต
โรนัลโด้ แยกทางกับ แมนยู อย่างเป็นทางการ
อีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจรจากับทางแมนฯยูไนเต็ด พร้อมมีข้อตกลงร่วมกันนั่นคือแยกทางตั้งแต่บัดนี้เลย
หมายความว่าปัจจุบัน โรนัลโด้ ไม่ได้อยู่ในสังกัดปีศาจแดงอีกต่อไป มีผลทันทีเลย สัญญาที่มีอยู่โดนยกเลิกเรียบร้อย ส่วนรายละเอียดหลังฉากเรื่องเงินค่าลดเชย ปล่อยให้ไปคุยกันเอาเอง
มันน่าเศร้าที่ฉากจบรอบสองของ โรนัลโด้ ต้องมาลงเอยอย่างนี้ ทั้งที่ตอนรีเทิร์นเมื่อกลางปีที่แล้ว กระแสต้อนรับอบอุ่นเหลือเกิน แฟนบอลต่างตื่นเต้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นแมตช์แรกที่ถล่มนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
หลายคนบอกว่า โรนัลโด้ ไม่น่าหวนคืนเลย ควรปล่อยให้ความทรงจำเมื่อครั้งเป็นนักเตะที่นี่ในปี 2003-2009 หลงเหลือในรูปแบบความทรงจำดีงาม ไว้คอยรำลึกนึกถึงกันดีกว่า
แต่พูดตอนนี้มันเปล่าประโยชน์ ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วและสิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ โรนัลโด้ เป็นฝ่ายจุดชนวนขึ้นมาเอง เหมือนรู้แล้วว่าบทสุดท้ายจะต้องเป็นอย่างไร
แต่เมื่อผ่านการกลั่นกรองตัดสินใจมาเป็นอย่างดีแล้ว ก็ต้องปล่อยไปตามชะตากรรมนั่นเอง ไม่มีใครอยากให้เกิด ทว่าห้ามอะไรไม่ได้ มันเลยเถิดมาไกลมาก
จาก เมสซี่ สู่ โรนัลโด้ ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน มันถือเป็นความคลาสิกของโลกฟุตบอลเลยทีเดียว
แต่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ 2 ซูเปอร์สตาร์แห่งยุค ที่กำลังจะปลดระวางและส่งมอบตำแหน่งนี้ให้กับรุ่นน้องต่อไป