2 เกมหลังสุดของแมนฯยูไนเต็ด ไม่ว่าจะศึกยูฟ่า ยูโรปาลีกที่ดวลเชริฟฟ์หรือเกมลีกเฉือนชนะเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปรากฎว่า เจดอน ซานโช่ ไม่ได้ลงเล่นเลยสักวินาทีเดียว
เขามีชื่อเป็นตัวสำรอง แต่ไม่ถูกส่งลงมาใช้งาน จนหลายต่อหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ หวั่นใจจะไปไม่รอดในที่สุด
ยิ่งเกมต้อนเชริฟฟ์ด้วยแล้ว ทุกคนที่ได้ดูต่างเห็นพ้องต้องกันว่า อเลฮานโดร การ์นาโช่ ดาวรุ่งพุ่งทะยานวัย 18 ปี ที่ได้รับโอกาสออกสตาร์ตเป็นครั้งแรกในทีมชุดใหญ่ ประเดิมได้อย่างสวยหรู
การ์นาโช่ ถูกจับไปยืนทางริมเส้นด้านซ้าย ซึ่งมันเป็นพื้นที่ของ เจดอน ซานโช่ อยู่แล้วและโดดเด่นเกินหน้าเกินตาพี่อีกต่างหาก
จังหวะสปีดและกระชากบอลเข้าเขตอันตรายของฝั่งตรงข้าม คือเครื่องหมายการค้าของ การ์นาโช่ ปั่นป่วนได้เสมอยามที่บอลอยู่กับเท้า ดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะฝ่าไปได้
หันมาดู ซานโช่ ไม่ค่อยมีช็อตอย่างนี้น้อยมากๆ ทั้งที่เป็นนักเตะมีทั้งความเร็ว คล่องตัวและสกิลอันยอดเยี่ยมเป็นพื้นฐานสำคัญ
หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงสไตล์การเล่นของ เจดอน ซานโช่
มีหลายคนเถียงเรื่องนี้ การเล่นอย่างนั้นไม่ใช่สไตล์ของ ซานโช่ เพราะใครที่ติดตามมาตั้งแต่สมัยอยู่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะรู้เลยว่าเขาต้องมีเพื่อนร่วมทีมมาช่วยเล่นใกล้ๆด้วย ไม่ใช่ประเภทกระชากลุยดุ่ยๆไปคนเดียว
แต่พอย้ายมาแมนฯยูไนเต็ด รอบข้างไม่ค่อยมีใครมาต่อบอลหรือประสานงานแบบเข้าอกเข้าใจนัก ทำให้หลายครั้งต้องส่งคืนหลังมาตั้งกันใหม่ บอลไม่คืบไปข้างหน้า สร้างความหงุดหงิดให้แฟนๆอีก
เราจึงได้เห็นผลงานอันแตกต่างอย่างมหาศาล ร่างทองเมื่อครั้งสวมยูนิฟอร์มเสือเเดงหลืองแทบไม่มีให้เห็นอีกเลย กลายเป็นคนละคน จนน่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ราล์ฟ รังนิก กุนซือรักษาการณ์ที่เคยร่วมงานกับ ซานโช่ และพอรู้ข้อมูลอยู่บ้างตั้งแต่สมัยเล่นในบุนเดสลีกา มองว่านักเตะใจบางเกินกว่าจะฝ่าความกดดันได้สำเร็จ
ค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ค่าจ้างอีกปริ่มๆ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เหมือนเป็นชนักที่ติดหลังของ ซานโช่ จนขยับทำอะไรก็ลำบากไปหมด
มันหมายถึงมวลความกดดันมหาศาลที่กดทับลงไหล่ทั้งสองข้าง แล้วถ้าเป็นประเภทจิตใจหวั่นไหวไปกับสิ่งเร้ารอบข้างได้ง่าย นั่นหมายความว่าเตรียมเผชิญหน้ากับปัญหาได้เลย
ฟอร์มเปลี่ยนเพราะทีมหรือเพราะตัวเอง?
บางคนยังมองว่า ซานโช่ ดูเฉื่อยเกินไปอีกด้วย อาจเพราะเขาได้สัญญาระยะยาวจากสโมสร รวมทั้งค่าจ้างก้อนโตมากๆ สำหรับเด็กหนุ่มวัย 21 ปีตอนย้ายมา มันอาจทำให้แรงจูงใจ ไฟแห่งความฝันต่างๆ ดับมอดลงได้ง่ายเลย
ในเมื่อคุณมีพร้อมทุกอย่างแล้ว เหมือนอยู่ในคอมฟอร์ทโซน รับประกันเลยว่าจะสบายไปทั้งชาติ ก็ไม่จำต้องดิ้นรนขวนขวายอะไรอีก
อย่าไปคิดว่านักฟุตบอลทุกคน ต้องหิวกระหายตลอดเวลาเหมือน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนเรามีพื้นฐานและแนวทางความเชื่อที่แตกต่างกัน
เรื่องนี้ เอริก เทนฮาก ดูจะไม่พอใจอย่างมาก นักเตะสบายกันเกินไป มาจากการบริหารที่ผิดพลาดของทีมยุคก่อน เมื่อครั้ง เอ็ด วู้ดเวิร์ด ยังเรืองอำนาจและใช้เงินจ่ายแลกมาตลอด
กระนั้นมันเป็นหน้าที่ของ เทนฮาก ที่ต้องพยายามเค้น ซานโช่ ให้กลับมาเป็นคนเดิม อย่างน้อยก็ต้องทำให้แฟนบอลรู้สึกว่าเกิดความคุ้มค่าขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เหมือนเองเงินไปทิ้งแม่น้ำ อย่างที่ชอบพูดกัน
กุนซือดัตช์เคยทดสอบให้ ซานโช่ ซึ่งมีจุดเด่นตรงยิงประตูได้ดี หุบไปด้านในเล่นเป็นกองหน้า เพราะมองเห็นคุณสมบัติสำคัญ ไว้เผื่อเผื่อขาดฉุกเฉินจะได้ปรับเลย
เทนฮาก หาทางไว้บ้างแล้ว ในความเจ้าระเบียบลงรายละเอียดแบบลึกมากๆ ในอีกด้านก็มีความยืดหยุ่นผสมผสานด้วยเช่นกัน
แต่สิ่งสำคัญสุด ซานโช่ ต้องช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครคอยผลักดันหรือสนับสนุนอุ้มชูตลอดเวลาหรอก อยู่ที่ว่าเขาจะก้าวขึ้นมาได้เมื่อไร
ต้องเร่งทำผลงาน มิเช่นนั้นอดลงสนาม
อย่าลืมว่านอกจาก การ์นาโช่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคู่แข่ง แย่งโควต้าตัวจริง ยังมี อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ใกล้หายบาดเจ็บอีกราย พร้อมจะช่วงชิงกันอย่างเข้มข้นเลยทีเดียว
เกมล่าสุดกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ขนาดมีรายชื่อ อันโตนี่ บาดเจ็บอีกคน จนทำให้แดนหน้ากระทบหนัก เทนฮาก ยังตัดสินใจเลือก แอนโธนี่ เอลังก้า ลงเป็นตัวจริงแทนเลย เมินที่จะใช้งาน ซานโช่ ด้วยซ้ำ
มันพอจะบอกได้ว่า ซานโช่ ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากมากขึ้นทุกที รวมทั้งเวลาที่จะพิสูจน์ก็เหลือไม่เยอะอีกด้วย จะมัวแต่เอ้อระเหยลอยชายไม่ได้เลย
อย่าลืมว่านี่เข้าสู่ปีที่สองของการย้ายมา หากยังไม่กระเตื้องขึ้น จบซีซั่นนี้อาจทำให้ เทนฮาก ต้องเริ่มมองหาการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้
เพราะถ้า ซานโช่ ไม่อยู่ในแผนการสร้างทีม ยังไงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยตัวซะ ด้วยอายุและฝีเท้าซึ่งยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิม คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะขายหรอก
แต่มันจะเป็นตราบาปของนักเตะ สะท้อนว่าคุณล้มเหลวเมื่อต้องย้ายมาเล่นในอังกฤษ ไม่อาจปรับตัวเพื่อเอาชนะอุปสรรคเลย
มันน่าผิดหวังมากๆ เพราะแมนฯยูไนเต็ดอุตส่าห์เฝ้ารอมาถึงสองตลาดซัมเมอร์ กว่าจะสมหวังปิดจ็อบได้ แล้วกลับมาเจอผลงานที่ต่ำกว่าเป้าหมายเยอะเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง ดาบิด เด เคอา กับเวลาที่เหลืออยู่
มีหวังอดไป บอลโลก 2022
นั่นคือในส่วนของสโมสร ขณะที่ทีมชาติอังกฤษนั้น ต้องยอมรับความจริงว่าโอกาสจะได้ไปร่วม ฟุตบอล โลก 2022 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ประตูแทบปิดตายเลย
จากที่เคยเป็นตัวหลักของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ช่วงหลังหลุดโผต่อเนื่อง มันชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากหรอก
สิ่งสำคัญที่สุดต้องรีบทำก็คือ เร่งสร้างความเชื่อมั่น ดึงตัวเองกลับมาสู่เส้นทางแห่งการแข่งขันให้เต็มที่ เพิ่มความกระตือรือร้นเอาใจใส่ อย่ามัวแต่เฉื่อยอีก
ถึงเวลาที่ต้องเตือนตัวเองซะ ก่อนจะไม่มีใครมาเตือน แล้วเมื่อนั้นเราจะได้ยินคำว่าสายเกินไป แก้ไขอะไรไมาได้แล้ว