ความเชื่อเกี่ยวกับ หลวงพ่อ โอภาสี
มีคำบอกเล่ามามากมายว่า หากใครอยากปลดหนี้ อยากทำมาค้าขายให้รุ่งเรืองร่ำรวย หรืออยากมีหน้าที่การงานดีๆ ต้องไปที่วัดหลวงพ่อโอภาสี แล้วไปกราบไหว้สักการะ หลวงพ่อ ทั้งรูปจำลอง หรือถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะได้เข้าไปในสถานที่ที่บรรจุสังขารของหลวงพ่อเพื่อกราบสักการะหลวงพ่อ
ในมุมของเครื่องรางของขลังแล้ว หลวงพ่อโอภาสี ได้ชื่อว่า เป็นเกจิอาจารย์ที่เต็มไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ และท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมามากมาย
มีชื่อเสียงทางด้านพุทธคุณ ไม่ว่าจะเป็นคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม เสริมส่งการค้าขายให้รุ่งเรื่อง การงานก้าวหน้า
วัตถุมงคลหลวงพ่อโอภาสี
สำหรับวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อโอภาสี สร้างแจกในช่วงที่เกิดสงครามโลก มีทั้ง ผ้ายันต์ ผ้าประเจียด เหรียญสตางค์รู หลังจากที่ได้รับวัตถุมงคลจากหลวงพ่อไปก็มีผู้ที่ได้รับปาฏิหาริย์
ก็มีผู้ศรัทธาเลื่อมใสมาขอมากขึ้น จนหลวงพ่อ สร้างพระปิดตาเนื้อตะกั่วและพระพิมพ์เนื้อผงผสมดิน และเหรียญรุ่นต่างๆ ขึ้นมามาแจกอีกหลายรุ่น
ส่วนอิทธิปาฏิหาริย์นั้น มีคำยืนยันจะลูกศิษย์ของหลวงพ่อโอภาสี ว่า มีอยู่จริง และประสบกับตัว เมื่อครั้งที่ทางอินเดียกราบนิมนต์หลวงพ่อไปประชุมสังฆ์โลกที่อินเดีย ในวันที่ 31 ตุลาคม 2498
หลวงพ่อได้ให้คณะศิษย์เดินทางไปล่วงหน้าก่อน 1 วัน คือเดินทางไปวันที่ 30 ตุลาคม 2498 ตัวหลวงพ่อเองจะเดินทางไปในวันที่ 31 ตุลาคม ตามที่ได้รับนิมนต์ แต่เมื่อถึงเวลาเช้าที่หลวงพ่อได้สั่งให้ลูกศิษย์ไปปลุก แต่ก็พบว่า
หลวงพ่อไม่ไหวติงแล้ว แต่ทางอินเดียก็ยืนยันว่า หลวงพ่ออยู่ร่วมประชุมสงฆ์โลกที่อินเดีย และพาหลวงพ่อไปชมสังเวยสถานแล้วด้วย จนทางกรุงเทพมหานคร ส่งโทรเลขไปยืนยันว่า หลวงพ่อมรณภาพแล้ว
ปราสาทจุฬามณี ที่ เก็บสังขารหลวงพ่อโอภาสี
ปัจจุบัน สังขารของหลวงพ่อโอภาสี ไม่ได้ประชุมเพลิงเผา แต่ได้บรรจุเก็บไว้ในปราสาทจุฬามณี ที่อยู่ในเจดีย์สีทองกลางน้ำ และอยู่กลางวัดหลวงพ่อโอภาสี โดยที่สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย
แต่การจะเข้าไปกราบสักการะสังขารของหลวงพ่อโอภาสี นั้นทำได้แต่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น สตรีท่านห้ามเข้าไป ลูกศิษย์หลวงพ่อโอภาสีบอกว่า
เมื่อครั้งหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็เข้าไม่ได้ หากว่า หลวงพ่อไม่อนุญาต เพราะหลวงพ่อใช้สถานที่แห่งนั้นเป็นที่บำเพ็ญเพียร
ศิษย์หลวงพ่อโอภาสี บอกว่า เป็นกุศโลบายของหลวงพ่อ ที่ชี้แนะว่า ไม่ว่าพระหรือฆารวาส หากต้องการบรรลุธรรมขั้นสูงจิตใจจะต้องห่างไกลจากเพศตรงกันข้าม เพราะความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับพระหรือฆารวาสนั้นล้วนเกิดจากเพศตรงกันข้าม
วัตรปฏิบัติอันโดดเด่นของเด่นของหลวงพ่อโอภาสี เมื่อครั้งยังไม่มรณภาพไม่ได้มีเพียงการเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเท่านั้น หลวงพ่อ ยังพยายามที่จะละ สลัดออกจากกิเลสทั้งปวง และพร่ำสอนชี้นำทางที่ถูกต้อง หนทางที่สว่างแก่ญาติโยม
แม้กระทั่งปล่องไฟภายในวัดที่เปิดให้ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้ยริจาคซื้อน้ำมันก๊าดเพื่อเติมไฟนั้นก็เป็นปริศนาธรรมที่หลวงพ่อต้องการจะสื่อถึงธรรมะให้ญาติโยมได้มองเห็นว่า ไฟนั้นสามารถดับกิเลส และให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์
บรรดาศิษย์ของหลวงพ่อ ได้เล่ากันต่อๆ มาว่า ผู้คนที่พบเจอหลวงพ่อโอภาสี ที่ธุดงค์มาปักกลดที่สวนส้ม ย่านบางมดนั้น จะเห็นพระฉันใบไม้ แต่มีเตาไฟอยู่ข้างๆ ช่วงนั้นก็ร่ำลือกันไปว่ามีพระฉันแต่ใบไม้ก็อยู่ได้
หลวงพ่อโอภาสี ผู้ใช้ไฟตัดกิเลส
แต่เรื่องเตาไฟที่หลวงพ่อ ใช้เผาสิ่งต่างๆ นั้น มาเล่ากันในภายหลังจากลูกศิษย์ว่า หลวงพ่อโอภาสี มักจะเผาสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้เกิดกิเลสจนหมดจนสิ้น มีญาติโยมนำสิ่งของมีค่ามาถวาย
หลวงพ่อก็ถามเพื่อให้ยืนยันว่า ถวายให้จริง จากนั้นหลวงพ่อโอภาสี ก็เผาต่อหน้าผู้ที่นำสิ่งของมีค่านั้นมาถวาย โยมจึงถามว่า เผาทำไม หลวงพ่อก็ตอบว่า เมื่อโยมนำมาถวายแล้ว หลวงพ่อก็เผาถวายเป็นพุทธบูชา
เรื่องเผาสิ่งมีค่านี้ ยังมีโยมอีกผู้หนึ่ง เมื่อได้ฟังหลวงพ่อเทศนาแล้วเกิดความเลื่อมใส ถึงกับถอดเข็มขัดทองถวายให้ หลวงพ่อก็ถามยืนยันอีก โยมก็ยืนยันถวายให้หลวงพ่อ
แต่พอหลวงพ่อ เอาไปเผาไฟ โยมเกิดเสียดาย หลวงพ่อก็เลยบอกไปว่า ไม่เห็นไรไหรอกโยม ของไม่ได้หายไปไหน เมื่อโยมคนนั้นกลับถึงบ้าน ก็พบว่า เข็มขัดทองวางอยู่บนเตียง
การเผาสิ่งของต่างๆ เพื่อละกิเลสของหลวงพ่อโอภาสี นั้น น่าจะสืบเนื่องจากหลวงพ่อได้ร่ำเรียนวิชากสินไฟ จากหลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา จ.นครนายก กล่าวกันว่า
การเพ่งกสินไฟจะทำให้จิตใจสงบนิ่ง มีสติ และหลวงพ่อโอภาสี มักจะสอนลูกศิษย์ หรือญาติโยมเสมอว่า ทำอะไรจะต้องมีสติ เมื่อมีสติแล้ว การจะทำอะไรก็จะไม่มีความผิดพลาด
บทความที่เกี่ยวข้อง
ท้าวเวสสุวรรณ วัดนางตะเคียน วัดยักษ์ให้โชค
สำหรับเรื่องฉันใบไม้ระหว่างที่ปักกลดกลางสวนส้มนั้น สร้างศรัทธาให้แก่ชาวบ้าน จนถึงกับสร้างเพิงพักให้หลวงพ่อโอภาสี และเมื่อวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อร่ำลือออกไป
ก็มีคนยกที่ดินให้วร้างเป็นวัดหลวงพ่อโอภาสี ที่อยู่ ณ ทุกวันนี้ แต่ถ้าไปถามลูกศิษย์ที่เคยรับใช้ใกล้ชิด ด็จะรู้ว่า หลวงพ่อโอภาสี ฉันน้อยมาก น่าจะไม่เกิน 3 คำ นั่นก็เพราะให้รับรู้ในรูป รส น้อยที่สุด เพื่อให้หลุดพ้นจากกิเลส ได้มากที่สุด
แม้กระทั่งเรื่องอาบน้ำ กล่าวกันว่า หลวงพ่อโอภาสี จะสรงน้ำเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยจะสรงน้ำในเทศกาลสงกรานต์ที่ญาติโยม ลูกศิษย์ มาสรงน้ำในเทศกาล แต่ทุกคนก็ยืนยันว่า ร่างกายของหลวงพ่อก็ไม่ได้สกปรก หรือมีกลิ่นแต่อย่างใด