เวลาเข้าไปในวัดแล้วเห็นรูปปั้นพระใบหน้าสดใส ท่วงท่ากำลังเดิน แบกกลด สะพายย่าม ถือไม้เท้า เข้าใจตอนแรกว่า เป็นสามเณร แต่ไม่ใช่ นั่นคือ พระ สิ วลี เป็นพระอรหันต์ ที่ผู้คนพากันกราบไหว้ขอพร ให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้านการค้าขาย
พระ สิ วลี เถระ หรือ พระสีวลี เป็นพระภิกษุ ในยุคสมัยที่ พระพุทธเจ้า ยังไม่เสด็จสู่ปรินิพพาน
ชาติกำเนิดของพระสีวลี นั้นเป็นเจ้าชายในโกลิยวงศ์ กว่าจะลืมตามาดูโลกนั้น ว่ากันว่า อยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แววของความเป็นผู้มีลาภมากนั้นแสดงออกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
คือพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาของกษัตริย์กรุงโกลิยะ เมื่อประสูติหรือคลอดออกมาแล้ว มีการนิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวยภัตตาหารถึง 7 วัน สีวลีกุมาร ก็ถวายน้ำแด่พระพุทธเจ้ารวมทั้งพระสงฆ์จลอดทั้ง 7 วันเช่นกัน
เรื่องเล่า พระ สิ วลี ตามตำนาน
ตำนานเล่าว่า แม้จะยังไม่ได้เป็นพระภิกษุอย่างสมบูรณ์ ท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ตอนที่โกนผม โดยพระสารีบุตร เป็นผู้บวชให้ และได้สอนพระธรรมฐานเบื้องต้น ปัญเจกกรรมฐาน คือ เกสา (ผม) โลมา (ขน) นขา (เล็บ) ทันตา (ฟัน) ตโจ (หนัง) ให้ พิจารณาของทั้ง 5 เหล่านี้ว่าเป็นของไม่งาม เป็นของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหล (ในการบวชพระภิกษุในช่วงที่เข้าโบสถ์ที่เรียกว่า ขานนาค พระอุปัชฌาย์จะถามนาค ก่อนที่จะบวช นาคก็จะรับว่า อามะพันเต)
แต่สำหรับ สีวลีกุมาร ได้ฟังแล้วก็เอาไปพิจารณาในขณะที่มีดโกนกำลังจะเริ่มโกนผมครั้งแรก ก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน เมื่อโกนครั้งที่ 2 ก็บรรลุเป็นพระสกทาคามี เมื่อโกนผมเสร็จก็บรรลุเป็นพระอรหันต์
หลังจากบวชแล้ว ก็เป็นผู้ที่มีลาภสักกระมาก ไม่เคยขาดซึ่งปัจจัย 4 ก็น่าจะมาจากกุศลกรรมที่เคยทำมาแต่อดีตชาติ พระพุทธองค์ถึงกับยกย่องให้เป็นเอตทัคคะผู้เลิศในทางมีลาภมาก คือมีลาภมากเหนือภิกษุทั้งหลาย
ในตำนานยังเล่าว่า นางสุภาวดี ผู้ซึ่งเกิดในตระกูลพ่อค้า เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และนับถือพระสีวลีเถระ ได้โอกาสฟังการแสดงธรรมเทศนาของพระสีวลี ก็ให้จับใจลึกซึ้ง พระสีวลี ให้พรว่า “จงเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์สิน เงินทองจากการค้าขาย เงินทองไหลมาเทมาสมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเถิด“
หลังจากนั้น ไม่ว่านาง และผู้เป็นบิดาไปทำมาค้าขายที่ใด ก็ค้าขายมีกำไรการค้าเจริญรุ่งเรือง
ยังมีเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าจะนำคณะสงฆ์ออกเผยแพร่ธรรม ไม่ว่าจะไปในที่แห่งใด หากมีพระสีวลี ร่วมคณะเผยแพร่ธรรมะ ติดตามไปด้วย ทุกแห่งที่คณะเผยแพร่ธรรมะผ่านไปก็จะมีผู้คนนำปัจจัยมาถวายกันแทบไม่ขาดสาย แม้ว่าถิ่นที่ไปเผยแพร่ธรรมะนั้นจะทุรกันดาร ห่างไกลบ้านเรือนผู้คนแค่ไหนก็ตาม
บุญบารมีของพระ สิ วลี ยังส่งผลให้พระสงฆ์ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันทั้งหมด ได้อานิสงส์ไปด้วย จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในเรื่องการเป็นผู้มีลาภมาก
ตรงนั้น น่าจะเป็นที่มาว่า เหตุใดคนไทยถึงเชื่อมั่นศรัทธาต่อพระสีวลี เถระ ก็เพราะว่า พระสีวลีเถระ นั้น เป็นพระอรหันต์แห่งโชคลาภ อันจะนำมาซึ่งความสมบูรณ์มั่งคั่งอย่างไม่ขาดสาย เพราะความเชื่อมั่นศรัทธาพระสีวลีเถระ นั้นสืบทอดกันมาอย่างยาวนานแล้ว
ท่านผู้รู้แนะนำว่า หากต้องการให้เกิดปาฏิหาริย์บันดาลโชคลาภให้ ก็จะต้องบูชาพระสีวลี เถระ อย่างถูกต้อง ความร่ำรวย มีกินมีใช้ก็จะบังเกิดขึ้นแก่คนผู้นั้น
อย่างแรกเลยที่จะต้องปฏิบัติก็คือ การเป็นผู้ให้ หมั่นบริจาคทานให้คนที่ยากไร้ เหมือนดังเช่นพระสีวลี ที่ได้ทำบุญบริจาคทานในทุกอดีตชาติของท่าน และเมื่อบริจาคทาน ก็ทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ให้ด้วยใจและความศรัทธาอย่างแท้จริง
ท่านว่า เมื่อให้ด้วยใจศรัทธา ด้วยจิตบริสุทธิ์ การบริจาคทานนั้น จึงไม่เกี่ยวว่า ของที่บริจาคจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน เพราะขึ้นกับคุณค่าของสิ่งที่บริจาค แม้เงินทองจะเป็นสิ่งมีค่า
แต่การได้เงินทองท่ามกลางทะเลทราย ก็ไม่อาจบอกได้ว่า ผู้นั้นมากด้วยทรัพย์สมบูรณ์ที่จะทำให้ชีวิตสุขสบาย แต่หากได้น้ำเพียงไม่กี่หยด อาหารไม่กี่คำ ที่จะทำให้ชีวิตนั้นยืนยาวต่อไปได้นั่นต่างหากที่จะทำให้การบริจาคทานทรงคุณค่า ได้อานิสงส์ผลบุญเต็มเปี่ยม
บทความที่เกี่ยวข้อง พระ อุป คุต ผู้ใช้ปัญญาปราบมาร
เคล็ด(ไม่)ลับ วิธี บูชา พระ สี วลี
สำหรับการบูชาพระสีวลี นั้น ท่านว่าให้นำ น้ำผึ้ง ผลไม้สด ดอกไม้ขาว หรือ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหรือดอกบัว อย่างละ 7 ดอก น้ำสะอาดลอยดอกมะลิ1 แก้ว
ยังมีอีกว่า หากจะให้ดี ให้ถวายผลไม้สดและน้ำผึ้ง วันพฤหัสบดี ส่วนวันเสาร์เน้นอาหารทะเล หรืออาหารที่ปรุงจากต้นบัว
เมื่อได้โชคลาภสมปรารถนาแล้ว จะต้องทำบุญเลี้ยงพระ หรือถวายสังฆทานเพื่อให้โชคลาภนั้นมาไม่ขาดสาย ไม่ควรบนบานว่าจะให้นั่นให้นี่ เพราะพระสีวลี เถระ
ท่านเป็นพระอรหันต์ ถึงพร้อมซึ่งทุกประการแล้ว ไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากมุ่งให้ผู้คนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น รู้จักการให้ หรือบริจาคทานให้มากกว่าการรับ
ส่วนคาถาบูชาพระสีวลี ท่านก็ว่าให้ จุดธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดว่า “สีวะลี จะ มหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา สีวะลี จะ มหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตัง สะทา สีวะลี เถระคุณัง เอตัง โสตถิ ลาภัง ภะวันตุ เมฯ”
นอกจากนี้ ยังมีคาถาหัวใจพระสีวลี สวดว่า “นะ ชาลีติ“ อันจะทำให้การค้าขายนั้นเจริญรุ่งเรือง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เงินทองไหลมาเทมา เวลาไปติดต่อค้าขาย ก็ให้ท่องว่า “นะ ชาลีติ ปะสิทธิลาภา” จะท่องทุกเช้าที่ล้างหน้าล้างตา หรือก่อนนอนก็ได้
ส่วนคาถาประจำวันนั้น ท่านผู้รู้ก็บอกว่า มีให้ท่องทุกวัน ตั้งแต่จันทร์ถึงอาทิตย์ แต่ก็นั่นแหละ หัวใจของพระสีวลี ก็คือการให้ การบริจาคทานด้วยจิตใจมีศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อให้มากเท่าใด ก็ยิ่งได้รับเท่านั้น