ความเชื่อเรื่องนาค หรือ พญานาค นั้นน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล แต่ตามคัมภีร์พระพุทธศาสนา นาค หมายถึง งูใหญ่ หรือ มโหราด มีลำตัวยาวเหมือนงู แต่จะมีหงอนสีแดง
ที่อยู่ของนาค กล่าวกันว่าจะอยู่ใต้พิภพ หรือที่เราเรียกกันว่า เมืองบาดาล และเชื่อกันว่า น า ค หรือถ้าเรียกอย่างนอบน้อม ก็จะเรียกว่า พญานาค นั้น จะมีอิทธิฤทธิ์ สามารถให้คุณหรือทำร้ายคนได้
ความเชื่อชาวฮินดู เรื่อง พญานาค
ตามความเชื่อของชาวฮินดูเชื่อว่า พญานาคนั้น เป็นกึ่งเทวะ คือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับเทพเจ้า นาค เป็นเทพแห่งน้ำ สามารถดลบันดาลให้น้ำให้ฝนแก่มวลมนุษย์ได้
และยังเชื่อว่า พญาเศษนาคราช หรือพญาอนันตนาคราช นั้นเป็นพญานาคชั้นสูงสุด
และเป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร ซึ่งตามตำนานเล่าว่า การเกษียรสมุทร หรือการกวนทะเลน้ำนมในตอนสร้างโลกนั้น พญาอนันตนคราช
คือผู้ที่ยอมเสียสละเอาลำตัวพันรอบภูเขามันทรคีรี แล้วให้เหล่าอสูรดึงส่วนหัว ส่วนบรรดาเทวดานั้นดึงส่วนหาง ซึ่งกว่าพิธีเกษียรสมุทรจะสิ้นสุดลง สร้างความเจ็บปวดทรมารแก่พญาอนันตนาคราชเป็นอย่างยิ่ง
ในบ้านเราเมื่อก่อนถึงฤดูหว่านกล้าลงนา ก็จะมีพิธีแรกนา พราหมณ์ก็จะมาทำพิธี จัดเครื่องเสี่ยงทายว่า ในปีนั้นๆ จะมีความอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหน ซึ่งนอกจากจะดูว่า พระโคจะกินอะไรบ้างแล้ว ก็จะดูในเรื่องการเสี่ยงเลือกผ้า
เพื่อทำนายว่า ปีนี้ ฝนจะมีมากน้อยเพียงใด และน้ำจะมีมากน้อยเพียงใดก็จะต้องดูว่า ปีนั้นๆ จะมีนาคให้น้ำกี่ตัว จำนวนนาคที่ให้น้ำก็จะมีตั้งแต่ 1-7 ตัว
(ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะนาคที่ประจำในประเทศไทยทั้งหมดความความเชื่อของพราหมณ์นั้นมีทั้งสิ้นแค่ 7 ตัวหรือไม่)
แต่ที่มีรู้ปั้น หรือสัญลักษณ์ของนาคไปปรากฏในวัดวาอารามนั้น น่าจะมาจากตำนานที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
โดยเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จไปเผยแพร่ศาสนาทั่วชมพูทวีป พญานาคี ผู้ที่เฝ้าติดตามพระองค์ เพราะมีความเชื่อมใสศรัทธา จึงได้แปลงร่างเป็นมนุษย์มาขอบวชเป็นสาวก เพื่อปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ว่า นาคนั้นเมื่อยามหลับ ก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิม
เมื่อพญานาคี เผลอหลับไป ก็คืนสู่ร่างงูใหญ่ พระภิกษุ มาพบเห็นก็พากันตกใจ จึงรีบไปกราบทูลพระพุทธเจ้า เมื่อทราบความแล้วพระพุทธเจ้าจึงให้ พญานาคีนั้นลาสิกขาเสีย เนื่องจากเป็นเดรัจฉาน จะบวชเป็นพระภิกษุไม่ได้
การ บวช นาค
พญานาคี ก็ยอมลาสิกขา แต่ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงร้องขอต่อพระพุทธองค์ว่า เมื่อบวชเป็นพระไม่ได้ ก็ขอให้สาวกของพระพุทธองค์ที่เลื่อมใสในคำสอนและต้องการบวชเป็นพระภิกษุ
ก็ขอให้เป็นนาคก่อนได้หรือไม่ ประเพณีการบวชพระ จึงต้องเป็นนาคก่อนนับตั้งแต่นั้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องเมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา ก็ได้ไปนั่งเสวยวิมุตติสุขที่ร่มไม้จิก
ระหว่างนั้นก็เกิดฝนตกพรำ ซ้ำยังมีลมหนาวพัดกระหน่ำ ก็มีพญานาคชื่อ มุจลินทร์ มาขดรอบตัวของพระพุทธเจ้า
และแผ่พังพานครอบศีรษะของพระพุทธเจ้าเพื่อป้องกันลมหนาวและเม็ดฝน กระทั่งฝนหยุด พญานาคมุจลินทร์ จึงคลายตัวและแปลงร่างเป็นมานพหนุ่มมายืนเฝ้าที่หน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า
และเมื่อครั้งพระพุทธเจ้า เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลา 1 พรรษา ครั้นถึงวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 จึงเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์
บรรดาเทวดามนุษย์สัตว์และนาคมีความปิติยินดี นำเครื่องบูชาถวายกันอย่างพร้อมเพรียง โดยพญานาค ก็พ่นลูกไฟให้เห็นกันในวันดังกล่าวด้วย
การเกิด บั้งไฟ
บั้งไฟพญานาคที่แม่น้ำโขงที่เกิดขึ้นเฉพาะ 2 จังหวัด คือ จังหวัดหนองคาย และจังหวัดบึงกาฬ และ ประเทศ เขมร ลาว กลายเป็นเรื่องราวชวนติดตามหาความจริงว่า
แท้จริง ลูกไฟนั้นเกิดจากพญานาคที่พ่นลูกไฟออกมาเฉลิมฉลองในยามพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากสรวงสวรรค์ หรือเกิดจากธรรมชาติ
แต่จนถึงทุกวันนี้ ลูกไฟสีแดงอมชมพู ไม่มีควัน ไม่แตกสลาย แต่ผุดพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขงของทั้งสองจังหวัด ก็ยังคงเป็นปริศนาเพื่อให้ผู้คนแวะเวียนไปค้นหาความจริงอย่างต่อเนื่อง
แตกต่างจากความเชื่อของคนพื้นถิ่น ที่เชื่อเรื่องพญานาคว่า นั่นคืออิทธิฤทธิ์ของพญานาค
ในวันที่บั้งไฟพญานาคเรืองรอง ชาวหนองคาย หรือชนชาวอีสาน ในแถบลุ่มน้ำโขง ก็จะประกอบพิธี ไหลเรือไฟ ชาวอีสานเรียก “เฮือไฟ” ล่องไปตามลำน้ำโขง ในเรือนอกจากธูปเทียนแล้ว
ยังมีดอกไม้ ขนม นม เนย หมากพลู เพื่อเป็นเครื่องเซ่นสรวงบูชาพญานาค ขณะเดียวกัน
ตามบ้านเรือนผู้คนก็จะจุดเทียน ถ้วยตะไล ประดับไว้นอกบ้าน หรือวัดวาอารามกันสว่างไสว เพื่อเป็นทั้งพุทธบูชา และบูชาพญานาค
เพราะตามความเชื่อแล้ว นาค หรือพญานาค นั้นล้วนแต่ให้คุณแก่ผู้คน ซ้ำยังเป็นผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า
บทความที่เกี่ยวข้อง
พญานาค ราช ณ ภูลังกา ถ้ำนาคา บึงกาฬ
ตะกลู 4 ตะกลูใหญ่
คำว่า นาค มีความเชื่อว่า นา ค มี 4 ตระกูลใหญ่ หรือแบ่งนาคตามลำดับชั้น เป็น 4 ชั้น คือ ตระกูลวิรูปักษ์ เป็นพญานาคตระกูลนี้มีกายเป็นสีทอง มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด เพราะเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์
ผู้เป็นใหญ่ในทิศตะวันตก ว่ากันว่า นาคตระกูลนี้ อยู่บนสรวงสวรรค์ชั้น จตุมหาราชิกา
ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลนี้จะมีกายเป็นสีเขียว เกิดจากฟองไข่ อาศัยในวังบาดาล, ตระกูลฉัพพยาปุตตะ
พญานาคตระกูลนี้มีกายสีรุ้ง เกิดจากครรภ์มารดา, ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลนี้มีกายสีดำ
สำหรับความเชื่อชองคนไทยเกี่ยวกับนาค หรือพญานาคนั้น ได้ปรับแปรไปตามกาลเวลา จากยุคหนึ่งที่ความเชื่อเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนา
ความอุดมสมบูรณ์การเพาะปลูก แต่เมื่อมาสู่ยุคปัจจุบัน เพิ่มความเชื่อในเรื่องของการปกปักรักษา โชคลาภและความร่ำรวยเข้าไปอีกด้วย