ซาบิตเซอร์คือพระมาโปรด ปีศาจแดง? หลังจากมีการเปิดเผยว่า คริสเตียน เอริกเซ่น ต้องพักยาวนับสิบสัปดาห์ จะกลับมาอีกครั้งปลายเดือนเมษายนหรือไม่ก็ต้นเดือนพฤษภาคม
เหล่าสาวกแมนฯยูไนเต็ดต่างใจแป้วกันเลยทีเดียว เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะหนักหนาสาหัสปิดเทอมกันนานขนาดนี้ เต็มที่ก็สัก 1 เดือน
อย่างไรก็ตามพอเห็นภาพ ต้องใช้เท้าไม้เท้าพยุงในการเดินและมีเฝือกอ่อนหุ้มไว้ที่ข้อเท้าซ้าย นั่นคือสัญญาณเตือนว่า งานนี้ท่าจะยาวนานกว่าที่คาดไว้ แล้วก็เป็นจริงอย่างนั้น
บังเอิญเหลือเกินผลสแกนที่เข้ารับการตรวจ ได้รับการยืนยันในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะมกราคมพอดิบพอดี
นั่นหมายความว่ายังพอเหลือเวลาเล็กน้อยให้ได้ขยับขยาย ต่อเติมเสริมทัพในส่วนที่พร่องหายไปของแดนกลาง
นับตั้งแต่ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดแบบไม่มีค่าตัวเมื่อกลางปีที่แล้ว เอริกเซ่น ก็ค่อยๆถีบตัวเองขึ้นมามีบทบาทเป็นหนึ่งในเสาหลักของทีม รวมถึงกลายเป็นขวัญใจบรรดาแฟนบอลอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกมีพาร์ทเนอร์คือ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ดูเข้าท่าเข้าทางมาก แต่พอ “บิ๊กแม็ค” เริ่มลดระดับตามสไตล์ กลายเป็นว่าคู่ขาใหม่คือ กาเซมีโร่ แจ่มกว่าเดิมอีก โชว์ความเป็นเวิลด์คลาสอย่างแท้จริง
สองคนนี้ทำให้แผงกลางของปีศาจแดงแกร่งขึ้น มีรูปทรงหรือเชฟการเล่น ไม่ใช่มั่วซั่วสะเปะสะปะเหมือนอย่างที่เคยเป็น
อย่างไรก็เถอะ ความกังวลก็ยังก่อตัวขึ้น เพราะเชื่อว่า กาเซ และ เอริกเซ่น คงไม่อาจยืนระยะเล่นยาวๆต่อเนื่องจบซีซั่นปิดฉากได้หรอก ยังไงก็ต้องมีเว้นวรรค จากบาดเจ็บหรือติดโทษแบนบ้างตามปกติ
กระทั่ง เอริกเซ่น มาเจอลูกเสียบดับวิญญาณของ แอนดี้ คาร์โรลล์ ในเกมเอฟเอ คัพ ซึ่งแมนฯยูไนเต็ดทุบเร้ดดิ้ง 3-1 เป็นการแลกกับตั๋วผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เจ็บปวดอย่างมากเลย
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าปัญหาตกมาที่คำหน้าของ เทนฮาก เข้าเต็มเปา ยังไงก็ต้องหาทางออกที่คิดว่าดีสุดเท่าที่จะมี
ทางเลือกของ ปีศาจแดง หากไม่มี คริสเตียน เอริกเซ่น
อย่างไรก็ตามเมื่อไตร่ตรองจากขุมกำลังปัจจุบัน ต้องยอมรับเลยว่ายากนักที่จะแก้ไขให้ดีสุดหรือใกล้เคียงกับการทดแทน เอริกเซ่น
เฟร็ด กับ แม็คโทมิเนย์ สองอะไหล่ไม่ได้เป็นกองกลางที่ย่ำแย่อะไร แต่เมื่อคุณต้องมาเล่นให้แมนฯยูไนเต็ด คุณภาพและมาตรฐานต้องดีกว่าที่เป็นอยู่
ทั้งสองคนได้รับโอกาสมามากมายแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ หากจะใช้ใครสักมาเสียบตำแหน่ง เอริกเซ่น จริงๆ บอกได้เลยว่าควรทำใจล่วงหน้า
ในขณะเดียวกันถ้า เทนฮาก ไม่แฮปปี้ ก็คงต้องถอย บรูโน่ แฟร์นันด์ส มาเล่นตรงกลางคู่กับ กาเซ ซึ่งก็อาจทำให้ประสิทธิภาพเกมรุกด้อยลงอีก ดาวเตะโปรตุกีสไม่อาจดันเติมรุก ปั้นเกมหรือสร้างโอกาสได้อย่างเต็มที่ มันอาจเสียประโยชน์ได้เอา
เพราะหากเติมไปข้างหน้าอย่างถนัดมากเกินไป ภาระในการเล่นเกมรับจะต้องตกมายัง กาเซมีโร่ อย่างไม่ต้องสงสัย สมดุลที่ควรมีอาจเสียเอาง่ายๆ
ส่วนตำแหน่งของ บรูโน่ ก็ต้องใช้พวกตัวริมอย่าง อันโตนี่ หรือ เจดอน ซานโช่ หุบมาเล่นด้านใน ถามว่าพอได้หรือเปล่า ก็ต้องตอบว่าได้อยู่ แต่มันไม่ใช่พื้นที่ถนัดของพวกเขา ยังไงก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวอยู่ดี
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จังหวะเกมรุกอาจสะดุดเอาง่ายๆ ไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น
ทางเลือกสุดท้ายก็คือการเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งพุ่งพรวดขึ้นมาเลย ค็อบบี้ ไมนู ที่มีโอกาสลงเล่นชุดใหญ่เกมที่สอง แววฉายออกมาเปล่งปลั่งเลยทีเดียว การคอนโทรลบอลหรือครอบครอง จ่ายออกแม่นยำทำได้ดีเกินวัย
รวมทั้งยังมี ซีดาน อิ๊กบาล อีกคนที่ไม่ได้ถูกส่งให้ทีมอื่นยืมตัว เผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้
แต่มันน่าจะเสี่ยงเกินไป เด็กยังไงก็คือเด็ก ถ้าไม่ใช่ระดับจีเนียสประเภทพระเจ้าประทานพรสวรรค์มาให้จริงๆ คงยากนักที่จะทนทานกับเกมระดับสูงได้
เมื่อการแก้ปัญหาด้วยวิธีใช้ผู้เล่นที่มีอยู่หรือการปรับเปลี่ยนสูตรดูไม่เวิร์คนัก ก็ต้องใช้ช่วงเวลาที่ตลาดซื้อขายยังเปิดทำการไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายให้เป็นประโยชน์
นั่นคือการมาของ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบปุบปับ สายฟ้าแลบของจริง
แมนฯยูไนเต็ดสามารถตกลงกับบาเยิร์น มิวนิค ยืมกองกลางออสเตรียมาร่วมก๊วนจนกระทั่งจบฤดูกาล โดยจะจ่ายเงินให้ก้อนหนึ่งตามข้อตกลงและรับผิดชอบค่าจ้างนักเตะด้วย
นับตั้งแต่ย้ายจากแอร์เบ ไลป์ซิกมาสู่ทัพเสือใต้เมื่อซัมเมอร์ 2021 ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยได้รับโอกาสสักเท่าไรนัก จนส่งผลกระทบต่อฟอร์มอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งที่ช่วงเล่นให้ไลป์ซิกในฤดูกาล 2019/20 กำลังพีกมาก ยิงไปถึง 16 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ จนกลายเป็นดาวเด่นของบุนเดสลีกาเลย
จุดที่คิดว่าจะทดแทน เอริกเซ่น พอไหวก็คือการวางบอลยาวที่แม่นยำ หวังผลได้เลย เมื่อเปลี่ยนจากรับเป็นรุก รวมทั้งยิงไกลที่ดุดันและถนัดเท้าขวาก็จริง แต่ซ้ายก็ไม่ได้แย่อะไรเลย
ช่วงแรกเขาอาจต้องใช้เวลาจูนเครื่องปรับตัวกันบ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แม็คโทมิเนย์ ก็มาเจ็บอีก ดังนั้นคงได้รับโอกาสเร็วที่สุดแหล่ะ
มาดูกันว่าแข้งรายใหม่ที่ย้ายมาในตลาดมกราคม จะช่วยเติมเต็มการขาดหายไปของ เอริกเซ่น ได้ขนาดไหนกัน
ที่สำคัญเป็นสถานการณ์ที่พิสูจน์ฝีมือการแก้ปัญหาอย่างแท้จริงของ เทนฮาก ที่ต้องก้าวไปอีกขั้นด้วย
