น่าติดตามมากกว่า การตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2022 ของ ทีมชาติเบลเยียม ล่าสุด จะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง
ในฐานะชาติที่คว้าอันดับ 3 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ควรประสบกับชะตากรรมเช่นนี้เลย
ยิ่งเมื่อมองดูคู่แข่งในกลุ่ม ไม่ได้แข็งแกร่งเกินกว่าจะรับมือยากสักเท่าไร มีเพียงโครเอเชียรองแชมป์เท่านั้น อยู่ในเลเวลไล่เลี่ยกัน ซึ่งน่าจะกอดคอกันเข้ารอบตามคาดการณ์
แล้วเบลเยียมในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีผู้เล่นระดับคุณภาพมากมายให้เลือกใช้ จนกลายเป็นเหมือนยุคทองของพวกเขาและถูกเรียกว่า Golden Generation คล้ายกับทีมชาติอังกฤษในสมัยก่อน
แต่ละขุมกำลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับประสบความสำเร็จในทัวร์นาเม้นต์ระดับเมจอร์
เวิลด์คัพฉบับรัสเซียเมื่อ 4 ปีก่อน การฝ่าด่านผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้น่าเซอร์ไพรส์ตรงไหน บางคนมองว่าควรไปได้ไกลถึงรอบชิงหรือแชมป์ด้วยซ้ำ
โชคร้ายมาตัดเชือกกับฝรั่งเศสในช่วงพีกมากๆ นั่นทำให้เบลเยียมก็ยากต้านไหว ก่อนจะไปชิงอันดับ 3 โค่นอังกฤษสบายๆ
เราได้เห็นผู้เล่นตัวท็อปทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ หรือ เอแด็น อาซาร์ ที่เข้าข่ายระดับโลกเป็นตัวชูโรง รวมถึงคนอื่นๆ ซึ่งก็ล้วนแต่เล่นในลีกใหญ่ยุโรปทั้งแผง น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
ผลงานของเบลเยียมก็เหนือชั้นด้วย อันดับแรงกิ้งพุ่งพรวดไปอยู่ที่ 2 แม้จะไม่อาจนำมาวัดตัดสินอะไรได้มากนัก แต่ก็พอจะบ่งบอกสถานะอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้อย่างดี
ว่ากันว่านี่คือทีมที่เพียบพร้อมมากสุดของเบลเยียมเลย เหนือกว่ายุคทศวรรษ 80 อีกด้วย ซึ่งทีมชุดดังกล่าวก็เคยไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 1986 เช่นกัน
เอ็นโซ่ ชิโฟ่ , แยน คูเลม็องต์ หรือ ฌอง มารี พัพฟ์ ที่รวมพลังกันในอดีต ก็ยังเทียบชุดปัจจุบันลำบากด้วยซ้ำ
ทีมชาติเบลเยียม กับฟุตบอลโลก2022
อย่างไรก็ตามผ่านมาถึงฟุตบอลโลกครั้งนี้ นักเตะกระดูกสันหลัง ที่เคยเป็นกำลังหลัก สภาพโรยราไปตามวัย ไม่สดใหม่เปี่ยมพลังเหมือนในอดีตอีกแล้ว
4 ปีมันเคลื่อนผ่านไปเร็วมากๆ แต่สำหรับนักเตะอาชีพมันเกาะกินร่างกายไปเยอะเลยทีเดียว ดังนั้นหลายต่อหลายคนจึงเลยจุดพีกมาเรียบร้อย
เหมือนที่ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำของทีม พูดออกมาตรงๆว่า ทีมชุดนี้แก่เกินกว่าจะคว้าแชมป์โลกมาครอง แม้ในโลกความจริงอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่นี่คือสิ่งที่ต้องเปิดใจยอมรับ
เบลเยียมประเดิมได้ 3 คะแนน จากการเชือดแคนาดา ทว่าหากถามถึงความน่าประทับใจ แทบไม่มีให้เห็นเลย ถือว่าโชคดีแล้วที่ได้ชัยชนะ เพราะเจอความสดบดจนแผ่วไปเลย อาศัยงัดความเก๋ามาช่วย เลยรอดไปได้
ทีนี้พอเกมนัดสองต้องมาดวลโมร็อกโก้ ปรากฏว่าเบลเยียมยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม คราวนี้ไม่โชคดีมีสาวนาอีกต่อไป เลยพ่ายแบบหมดสภาพ 0-2
ชัดเจนเลยว่า 2 นัดดังกล่าว แข้งเบลเยียมที่อายุมากๆและยังคงลงเล่นสม่ำเสมอ ไม่อาจยืนระยะปะหมัดกับเกมที่ถี่ยิบ อากาศอันร้อนระอุ รวมทั้งความคาดหวังที่สูงอีกต่างหาก
กระทั่งต้องมาวัดกับโครเอเชียในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ดิ้นเฮือกสุดท้าย ขอแค่ชนะก็จะเข้ารอบน็อกเอาท์ แต่สุดท้ายไม่เฉียบขาดพอ
บทความที่เกี่ยวข้อง เบลเยี่ยมกับนักเตะแก่ เกินแกงไร้แรงกระหาย
เราอย่าโทษ โรเมลู ลูกากู ตัวสำรองที่ลงมา แล้วพลาดโอกาสทอง 4-5 ครั้งคนเดียว เพราะผู้เล่นส่วนมาก ทำหน้าที่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งสิ้น
เดอ บรอยน์ เองก็ออกแรงก็อกสุดท้าย หวังจะปั้นให้ได้ประตู แต่ไม่เฉียบคมพอ จึงต้องก้มหน้ารับชะตากรรม เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายแผดร้องขึ้น
ผู้เล่นอย่าง เดอ บรอยน์ , โธมัส เมอนิเยร์ , ดรีส เมอร์เทนส์ , แยน แฟร์ต็องเก้น , โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลล์ หรือ อักเซล วิตเซลล์ ต่างก็คอตกหมดสภาพและรู้ดีว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดมันจะเจ็บปวดเช่นนี้เลย
ในขณะที่ โรแบร์โต้ มาร์ตีเนซ กุนซือชาวสเปน ซึ่งรับงานมาตั้งแต่ปี 2016 ก็ตัดสินใจไขก็อกลาออกเลย น้อมรับผิดชอบกับผลงาน ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
มาร์ตี้ เป็นกุนซือที่อยู่คู่ทีมมานานถึง 6 ปี น่าจะเข้าใจผู้เล่นขบวนนี้ไม่น้อยไปกว่าใครและการที่เขากล้าเดินออกมา นั่นหมายความว่าคงประเมินมันมาสุดทาง คงไปไม่ไกลไปกว่าที่เห็นแล้ว
น่าสนใจเหมือนกันว่า ก้าวย่างต่อไปของเบลเยียมจากนี้ จะเป็นอย่างไรบ้างและการลาออกของ มาร์ตี้ สังเวยผลงานอันล้มเหลว เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงแรกเท่านั้นเอง
ให้จับตาจากนี้ ใครจะได้รับการแต่งตั้งมาคุมแทน รวมถึงนักเตะกี่คนที่จะตัดสินใจรีไทร์จากการรับใช้ชาติ
เดอ บรอยน์ , แฟร์ต็องเก้น หรือ วิตเซลล์ ล้วนแต่อยู่ในข่าย เปิดหมวกลา หลังจากรับใช้มานานกันในหลัก 100 นัด
ปัญหาคือผู้เล่นดาวรุ่งดาวใหม่ ถูกดันขึ้นมาไม่ทัน ด้วยประสิทธิภาพไม่อาจทดแทนได้เลย ยังไงก็ต้องรอเวลาบ่มเพาะเคี่ยวกรำให้แกร่งกว่าที่เห็น
เชื่อว่าการตกรอบแรกฟุตบอลโลกครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญกับเบลเยียมอย่างแท้จริง น่าสนใจสำหรับจังหวะย่างก้าวต่อไป
เราไม่อาจฟันธงหรือสรุปว่า ยุคตกต่ำกำลังจะมาเยือนปีศาจแดงแห่งยุโรป แต่เมื่อพิจารณารอบด้านแล้ว ต้องยอมรับว่าโอกาสที่จะต้องใช้เวลาก่อร่างสร้างทีมกันใหม่มีสูงและคงต้องใช้เวลาพอสมควร
มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของโลกฟุตบอล เมื่อคุณเคยขึ้นถึงจุดสูงสุด ก็ต้องยอมรับเมื่อกราฟต้องดิ่งลงมา
เบลเยียมเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน