นับว่าเซอร์ไพรส์อย่างยิ่งที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้cr7 หลุดไปนั่งเป็นตัวสำรองเท่านั้น ในเกมฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคาร
รู้กันอยู่ว่าหากไม่เจ็บหนักจริงๆหรือติดโทษแบน ไม่ว่าอย่างไร โรนัลโด้ จะต้องสวมปลอกแขนกัปตัน ทีมชาติโปรตุเกส ลงลุยแน่นอน
เป็นที่รับรู้ทั่งกันว่า เขามีอิทธิพลในทีมชาติมากขนาดนั้น ถึงขั้นมีข่าวลือว่า เป็นคนสั่งให้ แฟร์นานโด ซานโต๊ส กุนซือจัดทีมเองเลยด้วยซ้ำ จะเอาคนไหนลงเล่นบ้าง
ไม่ต้องอะไรมากหรอก เกมในรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ซึ่งเจอกับโปรตุเกส ตอนแรกคิดว่า โรนัลโด้ จะได้พักไปนั่งสแตนบายด์รออยู่ข้างสนาม ที่ไหนได้ออกสตาร์ตเฉยเลย เล่นอยู่นานถึง 65 นาทีด้วยกัน
แถมพอโดนถอดออก ยังแสดงอาการไม่พอใจ ชักสีหน้าและมีอารมณ์ใส่บอสอีกต่างหาก ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วผิดมารยาทอย่างแรง อีกทั้งออกสื่อให้คนอื่นเห็นกันทั้งโลกด้วย
เชื่อกันว่า โรนัลโด้ ต้องการทำประตูให้ได้ในฟุตบอลโลกและโชว์ผลงานให้โดดเด่นเข้าไว้ เพื่อจะได้เป็นสะพานทอดให้สโมสรใหญ่ๆในยุโรป เดินมาหาเจรจาดึงไปอยู่ด้วย
ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์หรือไร้สังกัดเรียบร้อย มีอิสระเสรีจะเลือกย้ายไปไหนก้ได้ตามอำเภอใจ หลังยกเลิกสัญญากับแมนฯยูไนเต็ด จากปมปัญหาให้สัมภาษณ์ เพียร์ส มอร์แกน
แต่ยิ่งดันทุรังเท่าไร คล้ายว่าสถานการณ์กลับแย่ลง ฟอร์มของเขาตกไปจากมาตรฐานเดิมอย่างชัดเจน ซึ่งมาจากสภาพร่างกายที่โรยราไปตามกาลนั่นเอง ฝืนไปก็เปล่าประโยชน์
คลื่นลูกใหม่ กำลังถาโถมเข้ามาแทนที่
อย่างไรก็ตาม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พยายามเบือนหน้าหนี ไม่ยอมมองความจริง ปฏิเสธกฎของธรรมชาติ คิดว่าตัวเองยังคงเป็นนัมเบอร์วัน ทั้งที่คลื่นลูกเก่ากำลังจะหมดแรง ต้องปล่อยให้คลื่นลูกใหม่โถมแซงอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันพฤติกรรมที่เหมือนไปหักหน้า ซานโต๊ส ในเกมกับเกาหลีใต้ ก็น่าจะสร้างความขุนเคืองให้เจ้านายด้วย สังเกตได้จากบทสัมภาษณ์ที่ไม่ค่อยพอสักเท่าไร
เขาเปรยๆเอาไว้ว่า นักเตะทุกคนมีโอกาสลงเล่นหรือเป็นสำรอง เช่นเดียวกับตำแหน่งกัปตันทีม มักจะเลือกก่อนลงสนาม ไม่ใช่จัดการไว้ล่วงหน้าเหมือนทีมอื่น
คล้ายว่า ซานโต๊ส กำลังจะส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง ไม่นานนักพวกสื่อก็เริ่มให้ความสนใจ จับตาใกล้ชิดว่า โรนัลโด้ จะได้ลงตัวจริงหรือไม่
กระทั่ง 2 ชั่วโมงก่อนประกาศไลน์อัพ เรคคอร์ดสื่อใหญ่ของโปรตุเกส อ้างว่ากัปตันตัวจริง จะแปรสภาพเป็นแค่อะไหล่ข้างสนามเท่านั้น แล้วก็เป็นไปอย่างว่าเลย
โรนัลโด้ นั่งหน้าเครียดบนม้าสำรอง กอนซาโล่ รามอส กองหน้ายังบลัดจากเบนฟิก้า ได้รับมอบหมายทำหน้าที่แทน
แน่นอนทั้งสื่อและแฟนบอล ต่างก็ต้องจ้องมองไปยัง รามอส ไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มวัยเพียงแค่ 21 ปี ก็ต้องเผชิญกับความกดดัน ลำแสงจำนวนมากสาดมาอย่างนั้น มันไม่ง่ายจะรับมือเลย
มันน่าจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นด้วย แต่เขากลับทำในสิ่งที้น่ามหัศจรรย์ เพราะแรงกดดันมหาศาล กลับเป็นพลังหนุนให้เปล่งประกายอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมทั้งเป็นโมเมนต์แห่งการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว
รามอส ระเบิดแฮตทริกอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการยิงทั้งซ้ายและขวาอย่างเฉียบขาด ประกาศความเป็นสตาร์ใหม่ของวงการในช่วงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
กล้องจับภาพไปยัง โรนัลโด้ ซึ่งนั่งมองรุ่นน้อง ซึ่งแทบจะเป็นเด็กรุ่นหลานได้ ลงแทนตนแล้วผลงานร้อนแรง ไม่รู้เหมือนกันว่าลึกลงไปข้างในกำลังคิดอะไรอยู่
บทความที่เกี่ยวข้อง ทีมชาติบราซิล เมื่อยิงได้มันก็ต้องส่ายสะโพก (มีคลิป)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้cr7 พยายามวิ่งหนีความจริง
โรนัลโด้cr7 ถูกส่งลงมาแทน รามอส ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย มีโอกาสตะบันลูกหนังซุกก้นตาข่าย แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าซะก่อน
ในเกมสำคัญที่เขาแทบไม่มีบทบาทอะไร เป็นได้แค่ตัวสำรองลงมาเล่น เพื่อเป้าหมายเก็บตัวหลักไว้ให้สด โปรตุเกสกลับไล่ถล่มสวิตเซอร์แลนด์ 6-1
ก่อนหน้า 3 นัด เขาเป็นตัวจริงทั้งสิ้น แต่เกมรุกดูติดขัด ไม่ไหลลื่นกลืนคล่องอย่างที่เห็น พอจะบอกอะไรได้บ้างแล้ว ภาพมันแจ่มชัดมากขึ้น อยู่ที่ว่าจะแกล้งมองไม่เห็นเท่านั้นเอง
สังเกตว่าบรรดาเพื่อนร่วมทีมยังให้เกียรติ คริสเตียโน่ โรนัลโด้cr7 อย่างเคส เปเป้ เอาปลอกแขนกัปตันทีมมารัดต้นแขนให้หรือ รามอส สัมภาษณ์ชื่นชม ยกให้เป็นผู้นำไม่แปรเปลี่ยน
ส่วน ซานโต๊ส เปิดใจถึงเหตุผลจับซูเปอร์สตาร์ขาใหญ่นั่งข้างสนาม มาจากเรื่องของแท็คติก คิดล่วงหน้าไว้ 2-3 วันแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาเปลี่ยนแผน
ขณะที่ความขัดแย้งตามที่สื่อนำเสนอ เป็นจริงหรือไม่อย่างไร เรื่องแบบนี้คงยากจะค้นหาคำตอบได้ เรื่องในห้องแต่งตัว ก็ควรอยู่ในนั้นตามสปิริตของทุกทีมจำต้องมี
พอสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย ผู้เล่นโปรตุเกสกอดยินดีกัน แล้วจึงรวมพลไปขอบคุณแฟนบอลที่เข้ามาให้กำลังใจตามธรรมเนียม ถือเป็นการตอบแทนตามปกติ
แต่ โรนัลโด้ ไม่ได้มาร่วมวงด้วย รีบจ้ำอ้าวเผ่นเข้าห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ลักษณะท่าทางบ่งบอกว่าไม่มีความสุขเท่าไรนัก ต่อให้ทีมจะชนะขาดลอยเข้ารอบควอเตอร์ไฟนั่ลแล้วก็ตาม
สถานการณ์ที่เห็นอาจดูแย่สำหรับเขา แต่ในอีกมุม มันจะไม่ได้ดูแย่อะไรนักหรอก หากว่าเขาจะยอมรับความจริงบ้าง ลดอีโก้ให้น้อยลง ไม่ใช่ดึงดันจะคิดว่าข้าต้องที่หนึ่งเท่านั้น
ผลลัพธ์ที่ได้มา โรนัลโด้ ไม่อาจโทษใครได้หรอก นอกจากตัวเองเท่านั้น ในเมื่อทำเอง ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย
ถ้ายังตั้งใจจะวิ่งหนีอีก บอกได้เลยว่าจะยิ่งเหนื่อยหนักกว่าเดิม เหมือนวิ่งหนีเงาตัวเองนั่นแหล่ะ