กุนซือทีมชาติสเปน หัวดื้อที่ชื่อเอ็นรีเก้ ในขณะที่ ฮันซี่ ฟลิค ได้รับฉันทานุมิติจากคณะกรรมหสพันธ์ ฟุตบอลเยอรมัน อยู่ทำหน้าที่คุมทีมชาติต่อเพื่อลุยศึกยูโร 2024 เป็นการแก้ตัว แม้จะตกรอบแรกฟุตบอลโลกอีกครั้ง
แต่อนาคตของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย หลังสเปนพ่ายจุดโทษให้โมร็อกโก อดเข้ารอบควอเตอร์ไฟนั่ล อย่างพลิกความคาดหมาย
คือตอนรู้ว่าได้ตัดกับโมร็อกโก แฟนบอลสเปนต่าง ยิ้มแฉ่งกันเลยทีเดียว คิดว่างานนี้ได้ตั๋วเข้าสู่ 8 ทีมสุดท้ายไม่ยากหรอก ยังไงคลาสก็ต่างกันเยอะ
พอเอาเข้าจริง สเปนได้แต่ต่อบอลป้อไปมา พอมีโอกาสจะเผด็จศึกได้ ก็ขาดความดุดันเด็ดขาดอีก เลยต้องสู้กันยืดเยื้อเลยเถิด ไปถึงยิงจุดโทษตัดสิน แล้วก็เสียท่าอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ
เรื่องที่โดนล้อกันอย่างหนักก็คือ เอ็นรีเก้ เปิดเผยไว้ว่า เตรียมความพร้อมอย่างดี หากต้องมีการสังหารจุดโทษตัดสิน เพราะจัดให้ลูกทีมลองยิงเป้ามารวมกันแล้วเป็นพันครั้ง
แต่พอเอาจริงส่องพลาดกันถึง 3 คน ทั้งที่มีบทเรียนมาจากยูโรเมื่อกลางปีก่อน ซึ่งโดนอิตาลีเช็คบิลยิงจุดโทษนี่แหล่ะ แต่ยังไม่อาจสรุปได้ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ซ้ำร้ายจะแย่กว่าเดิมด้วย
กระนั้นเรื่องดังกล่าว ยังไม่หนักเท่าภาพรวม การทำงานของ เอ็นรีเก้ ที่ต้องบอกว่าสอบตกอย่างคาดไม่ถึงเลย
ที่เป็นอย่างนั้น เพราะสเปนออกสตาร์ตด้วยการปูพรม ถล่มคอสตาริก้าชุดใหญ่ไฟกระพริบ 7-0 เป็นสถิติมโหฬารสุดแล้ว ในรอบแบ่งกลุ่ม แล้วเซียนทั้งหลายก็ดันกระทิงดุขึ้นมาเต็ง จ่อคอหอย ทั้งบราซิลและอาร์เจนตินาเลย
ฟอร์มฮอตเกินต้าน กลายเป็นที่ครั่นคร้ามถูกจับตาฉับพลัน กิตติศัพท์พลังหนุ่มอันดุดัน ของกระทิงดุ คงไม่มีใครอยากเจอแน่
อย่างไรก็เถอะ หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆแผ่วลงอย่างน่าใจหาย นัดสองในรอบแบ่งกลุ่มเสมอเยอรมันยังพอทน แต่ปิดท้ายด้วยความปราชัยต่อญี่ปุ่น ถือว่าเสียหน้าอย่างแรง
ต่อให้ยังดีพอสำหรับผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ความไม่น่าไว้วางใจ เริ่มปรากฏกายให้เห็นบ้างแล้ว ร่างแรกที่โชว์เอาไว้ เหมือนถูกขโมยหายไป
เอ็นรีเก้ กุนซือทีมชาติสเปน ยึดมั่นในแนวทางตัวเอง
ความจริงแล้วสเปนไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากนัดแรกหรอก พวกเขายังเน้นการส่งบอลเท้าต่อเท้าเช่นเดิม เพียงแต่คู่แข่งอื่น ไม่ได้เล่นแบบเดียวกับคอสตาริก้าเท่านั้นเอง
พวกเขาบีบพื้นที่ เพรสซิ่งสูง ในขณะเดียวกันก็คุมโซนอันตรายให้แน่นหนา เพราะรู้ดีว่าจุดด้อยของสเปนอยู่ที่แนวรุก ไม่มีกองหน้าประเภทโป้งปิดบัญชี ลำพัง อัลบาโน่ โมราต้า คนเดียวคงไม่พอ
พอเจออย่างนี้เข้าสเปนก็ไปไม่เป็น เหมือนเจอทางตันนั่นแหล่ะ มันจำต้องถอยกลับมาเพื่อค้นหาทางใหม่
แต่ดูแวว หลุยส์ เอ็นรีเก้ น่าจะดื้อดึงอยากจะไปต่อให้ได้ ประเภทความดันทุรังสูง อยากจะพิสูจน์แนวทางตัวเองว่าเจ๋งมากพอ
เกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับโมร็อกโก หากไม่นับจำนวนการต่อบอลที่ดูอลังการงานสร้าง ของสเปนแล้ว ภาพรวมที่เหลือพวกเขา ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าอะไรนักหนาเลย
บทความที่เกี่ยวข้อง ทีมชาติกระทิง ดุจริงหรือแค่ชื่อ
เอ็นรีเก้ จึงต้องน้อมรับคำวิจารณ์เป็นธรรมดา เริ่มจากการมุ่งเน้นใช้นักเตะบาร์เซโลน่ามากเกินไป นี่มันทีมชาติสเปน ไม่ใช่บาร์ซ่า ควรวางอีโก้ตัวเองลงบ้าง
ขณะเดียวกัน 3 แดนกลางอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ , กาบี และ เปดรี ซึ่งยกชุดมาจาก เจ้าบุญทุ่มของจริง ก็ไม่เวิร์คสักเท่าไร ทุกคนอาจต่อบอลกันปุบปับโบ๊ะบ๊ะ อย่างรู้จักรู้ใจกันก็จริง
ทว่า บุสเก็ตส์ ใกล้ปลดระวางแล้ว ร่างกายไม่แข็งแกร่ง เหมือนอย่างเคย ส่วนอีกสองหน่อก็ขาดความเก๋า ประสบการณ์เป็นรองหลายกระบวน ยังต้องใช้เวลาหล่อหลอม สำหรับการเล่นบนเวทีใหญ่
นอกจากนี้ แกรี่ เนวิลล์ หนึ่งในกูรูพันดิตยังติงว่า แต่ละคนดูจะมีปัญหา กับการรับมือจังหวะแท็คเกิ้ล จากฝ่ายตรงข้ามที่หนักแน่นดุดันมาก ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไรโดนบด โดนบี้ก็มียุบธรรมดาแข็งขาอ่อน
รวมถึงสูตรหน้าหลอกหรือ Fales9 ก็ดูไม่ค่อยเหมาะกับทีมชุดนี้ ในอดีตเคยทำได้เพราะมีกองกลางชั้นเซียนหลายคน แถมมีประเภทมันสมองฉลาดมากในการหาตำแหน่งทะลุขึ้นไปยิงประตู
แต่ปัจจัยทีมชุดนี้ยังไม่เพียงพอที่จะลอกเลียนแบบอดีต ทั้งที่ความจริงควรจะเล่นตามศักยภาพที่มีอยู่ กลับถูกบิดถูกดัดฝืนจากธรรมชาติหมดเลย
นั่นยังไม่นับเรื่องเพิกเฉยไม่สนใจพวกนักเตะรุ่นใหญ่ ที่น่าจะมีประโยชน์กับน้องๆและห้องแต่งตัว
ชื่อของ เซร์คิโอ รามอส , ดาบิด เด เคอา หรือ ติอาโก้ อัลกันตาร่า โดนตัดทิ้ง จนถูกแซวว่า ถ้าไม่ใช่นักเตะที่เล่นกับบาร์ซ่า หรือที่ไปค้าแข้งยังท็อปทีมของยุโรป มักจะโดนเชิดใส่
จริงเท็จอย่างไรเรื่องนี้เราไม่รู้หรอก เพียงแต่ในวันที่สเปนล้มเหลวอย่างที่เห็น คนที่ต้องรับผิดชอบจะต้องเป็น เอ็นรีเก้ เท่านั้นเอง
แฟนบอลสเปนเอาใจช่วยกุนซือรายนี้เสมอมา เพราะรู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะสูญเสียลูกสาวสุดที่รัก กว่าจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันต้องใช้พลังไม่น้อย
แต่เมื่อค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน เราจึงไม่อาจมองข้าม ได้เช่นกันว่า เอ็นรีเก้ อาจถูกพิจารณา ไม่เหมาะสมทำหน้าที่ต่อไป
อีกไม่นานคงได้รู้กันว่าเขาจะเซ่นสังเวย ตำแหน่งกุนซือทีมชาติสเปน จากความดื้อดึงของตัวเองหรือไม่